4 Days to Fly: เฟรนด์ชิพ

วันนี้ความจริงมีโปรแกรมจะต้องไปเจอรุ่นพี่กับเพื่อนๆกลุ่ม F จากค่าย Econ Firststep 15 เห็นเค้าบอกว่าจะได้เป็นมีตติ้งครั้งสุดท้ายก่อนไป ตกลงกันไว้ซะดิบดี แต่ปรากฏว่าเมื่อวานอยู่ดีๆทุกคนก็บอกว่าไม่ว่างซะงั้น แล้วก็ยกเลิกมีตติ้งไปเฉยเลย T^T (ไหนบอกว่ามาได้ไง ไหนบอกว่าถ้าผมไม่ไปจะเคืองไง แล้วนี่อะไร อุตส่าห์ขอพ่อแม่ได้ละนะ ฟหกด่าสวฟหกด่าสว -3-) ถามว่าโกรธมั้ยบอกเลยว่า "ไม่โก๊ดดด ผมเข้าใจ๊~" แต่ตอนนี้ Left Group ไลน์ละ 5555 (ล้อเล่นนะครัชชช ผมเข้าใจจริงๆ ไว้มีโอกาสคงได้เจอกันนะ ^^)

แต่เอาเถอะ ถึงแม้ว่ามีตติ้งจะถูกยกเลิกไป แต่ผมก็ยังมีนัดกับเพื่อนอีกคนนึงด้วย เพื่อนคนนี้ชื่อหญิง ผมเจอเค้าที่การแข่งขัน BOT Challenge & Experience 2013 ของแบงค์ชาติ ซึ่งมันเป็นค่ายด้วย ก็เลยมีโอกาสได้รู้จักกัน (ถึงแม้ว่าตอนเจอกันครั้งแรกจะไม่ค่อยน่าประทับใจก็ตาม แหะๆ = =") แล้วตั้งแต่ตอนนั้นก็เริ่มสนิทกัน คุยกันแทบทุกเรื่อง ทั้งเรื่องครอบครัว สุขภาพ เรียนต่อ ความรัก บลาๆๆ เรียกได้ว่าแทบจะรู้ทุกเรื่องเลยแหละ แล้วพอดีว่าเค้ามีของอยากจะให้ผม แต่คงไม่มีเวลาไปส่งเพราะผมบินคืนวันแม่พอดี (ใครๆก็พูดแบบนี้จนไม่มีใครมาส่งผมละเนี่ย ฮรือววว T^T)  เราก็เลยนัดเจอกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนไป

นี่แหละเพื่อนผม ความจริงไม่ต้องทำหน้าแอ๊บแบ๊วก็ได้ มันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกจีจี// เดี๋ยวก็ไม่ได้อยู่ใกล้มือใกล้ตีนแล้ว จะพูดอะไรก็ได้ กิกิ

ผมนัดเจอเค้าไว้ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า พอผมไปถึงแล้วโทรถามว่าอยู่ไหน ปรากฏว่า เค้ากิน Sukishi อยู่กับเพื่อนอยู่จ้าาา เอิ่มมม ไม่รู้จะพูดอะไรได้ เลยถือโอกาสช่วงที่รอไปซื้อถุงนอนกับ Microsoft Office ด้วยเลย พอซื้อเสร็จปุ๊บ นางก็กินเสร็จพอดีเลยทักไลน์มาบอกว่าอยู่ตรง Sanrio ชั้น 2 ผมก็เดินวนอยู่ชั้น 2 ไป 4 รอบก็ยังไม่เจอ สุดท้ายนึกเอะใจเลยถามไปว่า อยู่โซนไหน เค้าตอบว่าอยู่โซนเซ็นทรัล แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกว่าอยู่โซนเซ็นทรัลวะเห้ยยยยย!!! -*- สุดท้ายพอเจอกัน สิ่งแรกที่เค้าทำคือขอโทษผมด้วยการปลอบโยนโดยฟาดหลังผมแรงๆหลายที (คือเจอกันทีไรไม่มีคราวไหนที่ผมไม่เจ็บตัวอะพูดเลย =w=) หลังจากนั้นเค้าก็ให้ของขวัญผมมาชิ้นนึง ก็คือ ปากกาอันนี้นี่เองงงงง > < คือมันน่ารักจนไม่อยากจะหยิบมาใช้ อยากเก็บไว้ดูเล่นมากกว่า แต่คนให้ก็คะยั้นคะยอว่า "เอาไปแล้วใช้ด้วยนะเว่ยยย" -.- แต่ช่างเหอะ เค้าไม่รู้อยู่แล้วว่าผมจะใช้รึเปล่า 5555

ปากกาอันเล้กกก สีชมพูววว น่าร๊ากกก กุ๊งกิ๊งกุ๊งกิ๊ง~ > < (เลือกสีได้เข้ากับหน้าคนใช้มาก =.,=)

ความจริงผมจะกลับเลยก็ได้นะ เพราะจุดประสงค์หลักที่มาก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว 5555 (อนุญาตให้เปลี่ยนฉายาจากไอซ์หน้าเงินเป็นไอซ์หน้าด้านได้ ณ จุดๆนี้) แต่ไหนๆก็จะเจอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนไปทั้งที ก็ขอไปเดินเล่นกับหาอะไรกินด้วยกันหน่อยละกัน แล้วผมยังไม่ทันจะตัดสินใจ เค้าก็มาร์กเป้าหมายไว้ที่มนต์นมสดแล้ว (ใช่ซี้~ ตัวเองกินข้าวแล้วหนิ เลือกที่กินไม่กรงใจคนยังไม่ได้กินข้าวเล้ยยย) ผมก็เลยปล่อยให้เค้าพาไป เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ไปร้านมนต์เหมือนกัน เห็นเพื่อนเช็กอินที่นั่นกันบ่อยมากกก เลยอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง

ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในร้าน โอ้โห นี่เค้ามาก่อม็อบอะไรกันรึเปล่า คือคนเยอะมากเกินจากภาพที่ผมคิดไว้เยอะเหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าจะเป็นร้านนั่งชิลๆซะอีก กว่าจะได้นั่งก็ต้องแย่งชิงพอสมควร 5555 ผมก็สั่งขนมปังเนยช็อกโกแลตกับเนยสังขยาไข่ไปด้วยความหิว พอกินคำแรกเข้าใจเลยว่าทำไมคนถึงเยอะ คือรสชาติมันฟินจริงๆ หรือเพราะความหิวก็ไม่รู้ 5555 (สารภาพเลยว่านาทีนั้นโฟกัสแต่ของกินจนลืมเพื่อนไปแล้ว = =") แต่เสียดาย กินไปแค่ 2 แผ่น อิ่มซะงั้น สงสัยรีบกินเกิน เฮ้อออ -.- หลังจากนั้นพวกเราก็เดินต่อไปที่สนามหลวงเป็นที่สุดท้าย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมาที่นี่ แต่บรรยากาศมันก็ดีนะ ลมเย็นๆ ได้ถ่ายรูปเล่นเยอะแยะไปหมด และก็ได้คุยกันแบบทุกที แต่คราวนี้มันไม่ได้เห็นแค่ตัวอักษร 🙂

วัดพระแก้ว มองไกลๆยังสวย ไม่รู้จะอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้มาเก็บภาพสวยๆแบบนี้อีก

อันนี้ฝีมือแม่นางเค้าหล่ะ ชอบถ่ายอะไรที่เข้าถึงยากอยู่เรื่อย =w=

สนิทกันมาตั้งเกือบปี เพิ่งจะมีรูปคู่รูปแรก ต้องรีบถ่ายไว้ก่อนเดี๋ยวไม่ได้ถ่าย อิอิ

สุดท้ายพวกเราก็ขึ้นรถเมล์เพื่อแยกย้ายกันกลับ แต่มันฮาตรงที่เพลงบนรถเมล์ที่กำลังเปิดอยู่มันคือเพลง "ในวันที่เราต้องไกลห่าง" แหม่ เข้ากับบรรยากาศจริงจรี๊งงง หยั่งกะเตี๊ยมมา 5555 ขึ้นรถเมล์ไปได้ไม่นาน ผมก็ต้องลงจากรถเพื่อต่อรถกลับบ้าน เราสองคนก็ลากันบนรถเมล์นั่นแหละ ถือเป็นบรรยากาศการจากลาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ -.- แต่ขึ้นชื่อว่าการจากลา ให้มันเกิดขึ้นที่ไหนมันก็ใจหายทุกทีสิน่าาา

ไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าที่พวกเราจะได้เจอกัน ไม่ใช่แค่เพื่อนผมคนนี้ แต่รวมถึงเพื่อนๆคนอื่นๆของผมอีกหลายคน บางคนไม่ได้เจอหน้ากันหลายเดือนแล้ว และนี่ก็ไม่รู้ว่าผมจะได้กลับมาเมื่อไหร่ อย่างเร็วสุดก็ 2 ปี (หรืออาจจะปีเดียวถ้าเรียนไม่ผ่าน แต่อย่าให้มันเป็นเคสนั้นเลย _ _") ยิ่งทำให้เวลาที่เราจะได้เจอกันมันนานขึ้นไปอีก แต่ผมเชื่อว่า ไม่ว่าผมจะอยู่ห่างกับเพื่อนขนาดไหน มิตรภาพระหว่างเรานั้นจะยังคงอยู่เหมือนเดิม 🙂

และแล้ววันนี้ก็ผ่านไปอีกวัน ของให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดี...

Frozenize

View posts by Frozenize
A random guy, doing random stuffs that he randomly feels passionate about.

Leave a Reply

Scroll to top