วันนี้ผมต้องตื่นแต่เช้าอีกเช่นเคย เพราะเช้านี้ผมต้องออกไปซื้อ "ชุดราชปะแตน" ที่พาหุรัดกับแม่และอากง ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าซื้อไปให้ใครใส่ ซื้อไปให้ผมใส่เองเนี่ยแหละ = =" (พี่ที่สำนักงาน ก.พ. แนะนำว่าควรเอาชุดไทยไปซักชุดเพื่อใส่ไปร่วมงานสถานทูต และเผยแพร่วัฒนธรรมในฐานะนักเรียนทุนรัฐบาลนะแจ๊ะ) บอกตรงๆว่าเป็นครั้งแรกที่ใส่อะไรแบบนี้ ซึ่งมันดูไม่ค่อยเข้ากับหน้าตาและสภาพ ณ ตอนนั้นซักเท่าไหร่ (ผมเผ้าไม่ตัด หนวดก็ไม่ได้โกน หยั่งกะโจรป่า -.-) ฉะนั้น ขออนุญาตไม่ถ่ายรูปมานะแจ๊ะ แหะๆ แต่ช่างมันเถอะ เพราะไฮไลต์ของวันมันหลังจากนี้ตะหาก
เพราะหลังจากไปซื้อชุดแล้ว ผมก็ได้มีโอกาสได้กลับบ้านเก่าซะที ^^ แหน่ะๆ รู้นะคิดอะไรอยู่ อย่าเข้าใจผิดครับ ผมยังไม่ตาย ปัดถ่อววว!!! ผมหมายถึงบ้านที่กรุงเทพที่ผมใช้ชีวิตอยู่ตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 12 ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่สมุทรสาคร และสมุทรสงครามตามลำดับ (เยอะเนอะ -.-) บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในชุมชนที่เรียกกันว่า บางกระดี่ ซึ่งตั้งแต่ผมย้ายออกมา ผมก็แทบไม่ได้เข้าไปที่นั่นเลย (และตอนนี้มันก็ถูกธนาคารประกาศขายอยู่ด้วย TT) รวมถึงไม่ได้เจอย่าแท้ๆของผมที่อยู่ที่นั่นเช่นกัน ฉะนั้น นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่ผมจะได้กลับบ้าน เจอย่า และผมก็จะถือโอกาสนี้ลาไปเรียนต่อด้วยเลย
พอเริ่มเลี้ยวเข้าบางกระดี่ ผมรับรู้ได้ถึงความเจริญที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าระยะเวลา 6 ปี จากถนนเล็กๆ 2 เลนสวนกัน รถสองคันสวนกันแต่ละทีแทบจะตกถนน มันจะแปรเปลี่ยนเป็นถนนที่กว้างขวางและดูดีขนาดนี้ อาจเป็นเพราะโรงงานกับหมู่บ้านจัดสรรหลายๆเจ้าที่แห่กรูกันเข้ามาตั้งรกรากกันอย่างไม่ขาดสายด้วยแหละมั้ง ถึงทำให้มันเปลี่ยนไปจากหน้าเท้าเป็นหลังมือ ขนาดปากซอยบ้านตอนนี้ยังเปลี่ยนไปจนจำไม่ได้ บอกตามตรงว่าถ้าให้ผมมาเองคนเดียว งานนี้มีหลง = =" แต่พอมาถึงบ้าน ผมกลับรู้สึกแปลกใจ เพราะจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วมันดูไม่ค่อยแตกต่างจากเดิมซักเท่าไหร่ เพียงแต่มันดูเก่าและโทรมลงตามอายุ 35 ปีของมันเท่านั้นเอง (แต่ไม่ยักกะพัฒนาตามสภาพแวดล้อมแฮะ -.-)
นี่แหละ สภาพบ้านที่ผมอยู่กับมันมากว่า 12 ปี น่าอยู่ใช่มั้ยยย 5555
และแล้วผมก็ได้เจอย่าของผมซะที ย่าในตอนนี้ดูต่างจากตอนที่ผมออกจากบ้านมาเล็กน้อย ย่าดูผอมลงจากเดิมที่เคยดูสมบูรณ์กว่านี้ ครั้งสุดท้ายที่เจอย่า ผมสูงเท่าย่า แต่ตอนนี้ย่าสูงเท่าไหล่ผม 5555 ตอนนี้ย่าของผมอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียว จากเดิมที่เคยอยู่กันทั้งปู่ ย่า พ่อ แม่ ป้า ลุง ไหนจะลูกพี่ลูกน้องอีกคนนึงอีก ตอนนี้ต่างแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง และด้วยสภาพการเงินทางบ้านที่กำลังประสบปัญหา ทำให้ย่าซึ่งก็อายุมากแล้วและไม่มีรายได้ ต้องทยอยขายของในบ้านออกไปทีละชิ้นๆเพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายในแต่ละวัน พ่อแม่ของผมเคยเอ่ยปากชวนย่าให้มาอยู่ด้วยกัน แต่เพราะเค้าผูกพันกับหลายๆอย่าง ทั้งบ้าน ทั้งเพื่อนฝูง เค้าเลยไม่ยอมย้ายออกมา ยิ่งได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้ ผมยิ่งสงสารย่าของผมจับใจ จริงๆนะ
พื้นที่หลังบ้านเป็นที่ที่ย่าของผมจะใช้ชีวิตอยู่มากที่สุด เมื่อก่อนมันเป็นสวนมะม่วง ตอนนี้เทพื้นปูนกลายเป็นเต็นท์ไปแล้ว
พอเข้ามาในบ้าน โอ้โฮเฮะ มันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ของบางอย่างก็ดูเล็กลง (เอ๊ะ รึเราตัวใหญ่ขึ้น???) ของหลายๆอย่างที่เคยมีอยู่มันก็หายไป ทั้งตู้ ทั้งแอร์ และอื่นๆอีกมากมาย บ้างก็พังทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และมันก็พิสูจน์ทฤษฎีที่มีคนเคยบอกผมไว้ว่า "ห้องที่ไม่ค่อยมีคนคนอยู่มันจะสกปรกโคตรๆ แม้ว่าคุณจะล็อกห้องไว้อย่างดีก็ตาม" 5555
ห้องนี้เมื่อก่อนเป็นทั้งห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องกินข้าว ห้องคอม และอื่นๆอีกมากมายสุดแท้แต่เราจะใช้ประโยชน์ ตอนนี้มันก็ยังเป็นแบบนั้น แค่สภาพมันรกกว่าเดิมนิดหน่อย(?)
อดีตห้องนอนของพ่อและแม่ ก่อนจะมาเป็นห้องนอนผม สถานที่แห่งความทรงจำที่ผมตื่นมานั่งเชียร์บอลแชมเปี้ยนลีกนัดชิงที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์ ตอนนี้เตียงหายไปไหนละหว่า -.-
รูปที่ถ่ายตอนไปกินสเวนเซ่นในวันเกิดสมัยประถมยังถูกวางไว้ให้ฝุ่นเขรอะอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เห็นแล้วก็นึกถึงตอนเป็นเด็ก นึกถึงหน้าตาที่เคยดี T^T
อันนี้ก็เป็นอดีตห้องนอนของพ่อกับแม่เหมือนกัน น่าแปลกที่แอร์ห้องนี้ยังไม่ถูกขายไปไหนและยังใช้การได้อยู่!?!
อีกหนึ่งสถานที่สิงสถิตของผม เป็นห้องการ์ตูนที่พ่อผมสะสมมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ทั้งดอกเตอร์ K สึบาสะ โคนัน โจโจ้ บลาๆๆ ตอนนี้หนังสือทั้งหมดคงถูกร้านค้าของเก่าส่งไปรีไซเคิลเป็นกระดาษที่ไหนซักแห่ง
หลังจากเดินรำลึกความหลังในห้องต่างๆเสร็จแล้ว ผมก็ถือโอกาสบอกลาย่าไปเรียนต่อ ก่อนผมจะไป ย่าก็เข้ามากอดผมแล้วร้องไห้ นาทีนั้นผมน้ำตาคลอเลย มันอธิบายไม่ถูกจริงๆกับความรู้สึกหลายๆอย่างที่มาพร้อมกัน สงสารย่า คิดถึงวัยเด็ก คิดถึงทุกๆอย่าง หลังจากนี้ย่าจะอยู่ยังไงก็ไม่รู้ ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไปในทางที่ดี และสัญญากับตัวเองว่า เมื่อผมกลับมา ผมจะทำให้ความเป็นอยู่ของย่าดีกว่านี้
หลังจากออกมาจากบ้านนั้นแล้ว อากงก็พาผมไปเลี้ยงข้าวที่ร้าน "อิ่มปลาเผา" เป็นการเลี้ยงส่งก่อนที่ผมจะไปเรียนต่อ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน (และความอิ่ม 5555) ถือเป็นอีกหนึ่งความประทับใจส่งท้ายในวันนี้ก่อนจะกลับมาบ้านที่แม่กลอง แต่พอกลับมาถึงบ้านแล้ว ผมก็ยังอดคิดถึงช่วงเวลาวัยเด็กไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าปัจจุบันเราจะเปลี่ยนไปยังไง ช่วงเวลาในอดีตของเราก็ยังคงน่าประทับใจและชวนให้นึกถึงอยู่ดี จริงมั้ย???
และแล้ววันนี้ก็ผ่านไปอีกวัน ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดี...