Day 2: ชีวิตที่แตกต่าง

ความจริงวันนี้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 8 โมงครึ่ง แต่ทำไมสะดุ้งตื่นมาตอน 6 โมงเช้าก็ไม่รู้ = =" วันนี้ผมมีนัดกับจูเลียไว้ตอน 10.15 น. เพราะว่าทาง City Hall (ภาษาไทยเรียกว่าอะไรหว่าาา ศาลากลางมั้ง) นัดให้ผมไปทำเรื่องลงทะเบียนตอน 10.48 น. โดยที่จูเลียบอกว่าจะมารับที่หอพักผม แต่หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จตอน 8 โมง จูเลียก็ทักแชทมาบอกว่าเปลี่ยนเป็นให้ผมเดินไปที่ร้านถ่ายเอกสารตอน 9.40 น. เพราะจะได้ถ่ายเอกสารที่ต้องใช้ในการลงทะเบียนที่ City Hall เลย แล้วจูเลียก็ให้ที่อยู่ร้านถ่ายเอกสารมา หน้าที่ของผมคือเอาที่อยู่มากรอกลงใน Google Maps แล้วเดินไปให้ทันนัดแค่นั้นเอง

ประเด็นคือเบอร์โทรศัพท์ผมตอนนี้ไม่ได้มีแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตแบบ Unlimited ที่จะเปิดทิ้งเป็ดขว้างได้ ผมก็เลยต้องกดค้นหาที่อยู่โดยใช้ Wi-fi จากหอ แล้วค่อยเดินออกไปโดยใช้ GPS นำ ผมเริ่มออกจากหอไปตอน 9 โมง แต่แค่เริ่มต้นจากหน้าหอก็งงแล้วครับ พอผมเลี้ยวซ้าย GPS บอกว่าผมเลี้ยวขวาซะงั้น ยังดีที่ผมยังถึงร้านถ่ายเอกสารก่อนเวลา ไม่งั้นคงโดนเฉ่งยับ เพราะเท่าที่ดูแล้วคนที่นี่ค่อนข้างตรงเวลาผิดจากที่เคยอ่านในเว็บมาแฮะ

ด้วยความที่ผมมาถึงก่อนเวลาประมาณ 10 นาที ทำให้ผมได้มีเวลาสำรวจบรรยากาศรอบๆซักเล็กน้อย อากาศเช้าวันนี้ค่อนข้างเย็น เพราะฝนตกปรอยๆบวกกับมีลมโกรกตลอด โดยอุณหภูมิอยู่ประมาณ 11-12 องศา ซึ่งขนาดผมใส่เสื้อฮู้ดกันหนาวไปยังรู้สึกว่าเย็น ยิ่งส่วนมือที่ไม่มีอะไรหู้มเลยนี่ถึงกับชาจนไม่รู้สึกอะไรเลยทีเดียว -.- อีกอย่างนึงที่สังเกตได้ชัดเลยคือ คนที่นี่ตื่นสาย 5555 ก็นี่มัน 9 โมงครึ่งแล้ว แต่บนถนนหนทางกลับไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไหร่ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะมีฝนตก หรือว่าเค้าเป็นแบบนี้กันทุกวันอยู่แล้วกันแน่

9 โมงครึ่งแล้ว แต่ถนนยังเงี้ยบบบเงียบ (สัมผัสได้ถึงความสะอาดและความเป็นระเบียบ ช่างต่างกับประเทศโลกที่ 3 แถบอาเซียนบางประเทศซะจริงๆ เฮ้อออ)

พอถึงเวลานัด จูเลียก็มาถึง พร้อมกับเพื่อนเค้า 1 คน กับนักเรียนรุ่นเดียวกับผมที่กำลังจะเข้าปี 1 ที่ Fontys คณะเดียวกับผมด้วย ชื่อว่าเจค มาจากอังกฤษ (สรุปคือบัดดี้ของเจคกับบัดดี้ของผมหน่ะเป็นเพื่อนกัน) ถือเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันคนแรกของผมที่นี่ แล้วพวกเราก็เข้าไปถ่ายเอกสาร ซึ่งสิ่งที่ผมต้องถ่ายเอกสารก็คือสัญญาเช่าหอ 8 หน้า สนนราคาอยู่ที่ 1.06 ยูโร ผมก็ควักแบงค์ 10 ยูโรมาจ่าย ทันใดนั้นผมก็ได้บทเรียนแรกของการใช้ชีวิตที่นี่แล้วครับ นั่นก็คือ ควรจะมีแบงค์เล็กติดตัวไว้บ้าง เพราะเค้าไม่รับแบงค์ 10 ยูโรผม และเค้าถามผมต่อว่า มีแบงค์หรือเหรียญที่เล็กกว่านี้มั้ย แต่สาบานเลยครับว่าทั้งกระเป๋าสตางค์ผมหน่ะ แบงค์ 10 ยูโรมันเล็กที่สุดแล้ว -*- สุดท้ายจูเลียก็เลยออกค่าถ่ายเอกสารให้ผมไปเลย รบกวนเค้าจนได้ _ _"

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินไปที่ City Hall ครับ เราก็เดินวนรอบ City Hall ไปรอบนึงเพื่อหาทางเข้า แต่ปรากฏว่า มันปิดครับ ทุกคนถึงกับเหวอแดกหมด ซักพักเพื่อนของจูเลียก็ตัดสินใจโทรหาคนที่ส่งอีเมล์มานัดพวกเรา สรุปคือจริงๆแล้วที่ที่เราต้องไปลงทะเบียนไม่ใช่ City Hall หว่ะครับ เพียงแค่อ้างอิงชื่อ City Hall เฉยๆแค่นั้น อารมณ์ประมาณว่า City Hall สวยๆนั่นของโชว์ ของจริงอยู่อีกที่ 5555

รา 4 คนก็เลยเดินไปที่ที่เราต้องลงทะเบียน กรอกเอกสารอีกนิดหน่อย แล้วเข้าไปยื่นเอกสาร เจ้าหน้าที่ก็ดูเป็นมิตรดี ถามไถ่เราตามปกติ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย โดยเค้าบอกว่าหลังจากนี้เค้าจะแจ้ง BSN มาให้ตามที่อยู่ผมเอง เรามีหน้าที่แค่รอจดหมายแค่นั้น พอเสร็จธุระที่นี่เราก็ไปที่ธนาคารกันต่อเลย เพื่อเปิดบัญชีให้กับผม ตอนแรกเจ้าหน้าที่ตอนลงทะเบียนบอกว่าจะเปิดบัญชีต้องใช้ BSN แต่เจคยังไม่ทันได้ BSN ก็ไปเปิดบัญชีได้ละ เลยให้เจคเป็นคนนำทาง โดยผมมาเปิดบัญชีกับธนาคาร ING (ลองสังเกตเสื้อซ้อมทีมชาติฮอลแลนด์ดู ธนาคารนั้นแหละ ความจริงบ้านเราก็มีนะธนาคารนี้อะ 5555)

พอผมเข้ามาในธนาคาร โอ้โฮเฮะ ทุกอย่างส้มไปหมด =[]= แวบแรกนึกว่าถึง King's Day แล้วด้วยซ้ำ (แหน่ะๆ สงสัยหล่ะสิว่า King's Day คืออะไร ถ้าอยากรู้ละก็ คลิก!!!) เข้ามาถึงก็กดคิวรอเปิดบัญชีตามปกติ ถึงคิวปุ๊ปก็ยื่นเอกสารที่จำเป็นไป แล้วเจ้าหน้าที่ธนาคารก็แจ้งว่า บัญชีจะได้ในอีกประมาณ 5-6 วันทำการ และจะมีค่าธรรมเนียมที่จะหักจากบัญชีเราทุก 3 เดือน ครั้งละประมาณ 4 ยูโรกว่าๆ (บ้านเราฝากแล้วได้ตัง บ้านเค้าฝากแล้วเสียตังหว่ะครับ 5555 คงเป็นเพราะพอบัญชีที่นี่เค้าจะออกบัตรเดบิตมาให้ด้วยเลย ทำให้เก็บตังไปมั้ง ได้ข่าวว่าธนาคารอื่นแพงกว่านี้ซะด้วย -.-) ใช้เวลาไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย

ถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว จูเลียก็เลยชวนทุกคนไปนั่งดื่มกาแฟที่คาเฟ่นึงแถวๆ City Hall (อันที่เป็นของโชว์อะ 5555) ซึ่งที่ร้านก็เอาเมนูมาให้ และแน่นอน มันเป็นภาษาดัตช์ หึหึ แต่ผมคิดในใจว่า ไม่เป็นไร เจคก็อ่านดัตช์ไม่ออกเหมือนกัน อิอิ ซักพักทางร้านก็ใจดี ส่งเมนูภาษาอื่นมาให้ด้วย แต่มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษครับ มันเป็นภาษาด๊อยช์ของเยอรมัน!!! แถมเจคก็อ่านด๊อยช์ออกด้วย สรุปผมอ่านเมนูไม่ออกคนเดียว = =" แล้วเราก็คุยกันเกี่ยวกับการเรียน สังคมที่นี่ บลาๆๆ แต่ให้ตายสิ ผมรู้สึกเหมือนพวกเค้า 3 คนคุยกันมากกว่าเราคุยกัน 4 คนนะ ดูแต่ละคนใช้ Idiom กันพรึ่บพรั่บ บางคำเราก็ฟังไม่ออก เวลาเค้าถามเราก็ต้องให้เค้าอธิบายซ้ำ ตอนนั้นยอมรับเลยว่ารู้สึกโง่จริงๆ ไม่นานนักจูเลียกับเพื่อนก็ขอตัวกลับ เพราะเค้าได้ทำทุกอย่างในฐานะบัดดี้ให้เราเรียบร้อยแล้ว

ผมกับเจคตัดสินใจเดินต่อไปหาที่แลกแบงค์ เพราะในตัวผมมีแต่แบงค์ 10 50 แล้วก็ 100 ยูโร ซึ่งดูแล้วถ้าผมซื้อของ 1-2 ยูโร คงไม่มีใครรับแบงค์ผมแน่ๆ เริ่มแรกเรากลับไปที่ ING เพื่อถามเค้าว่าแลกแบงค์ได้มั้ย แต่เค้าบอกว่าธนาคารไม่รับแลก แล้วแนะนำให้เราไปที่สถานีรถไปเวนโลเพื่อแลกแบงค์ พวกเราก็เดินกันต่อไปที่สถานี พอผมเข้าไปก็สื่อสารกันยากหน่อย ด้วยแกรมม่าอันสุดจะกากและสำเนียงสุดหน่อมแน้มเบาหวิวของผม กว่าจะเข้าใจกันได้ก็ใช้เวลาเล็กน้อย สรุปเค้าก็รับแลกครับ แต่มันมีค่าใช้จ่าย 100 ละ 1 ยูโร!!! บร๊ะเจ้า!!! หากินกันง่ายจังที่นี่ ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองไปหมด แต่ผมก็จำใจแลกมา ไม่งั้นคงฮาน่าดู มีเงินแต่อดตาย = =

พอแลกแบงค์เสร็จ ผมก็ขอร้องให้เจคช่วยหาร้านขายของชำให้หน่อย เพราะผมยังต้องซื้ออะไรอีกหลายอย่างเข้าหอ เจคก็เลยพาไปที่แถวๆหอเค้า ซึ่งอยู่ประมาณเกือบโลจากหอผม โอ้โหววว คือมันไกลเกินกว่าจะเดินไปซื้ออะ นึกสภาพเดินไปซื้อของกิน เดินกลับมามีหวังได้หิวอีกรอบแหงๆ แต่ยังไงรู้แหล่งไว้ก่อนซักที่ก็คงดีกว่า ระหว่างทางเราก็คุยกันเกี่ยวกับระบบการศึกษาของประเทศตัวเอง ซึ่งนาทีนั้นผมสงสารและเกรงใจเจคมาก เพราะผมฟังสำเนียงเค้าไม่ค่อยรู้เรื่อง (ไม่ได้ผิดที่สำเนียงเค้าหรอก หูผมกากเองแหละะะ T^T) เค้าเลยต้องพูดซ้ำๆ ผมกลัวเค้ารำคาญจริงๆนะ _ _" แล้วพอเจอแหล่งเสร็จ เค้ายังเดินกลับมาส่งผมที่หอด้วย ยิ่งทำผมเกรงใจเค้าเข้าไปใหญ่

พอถึงหอ ผมก็พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนั้นครับ นั่นก็คือ น้ำครับ ผมเคยได้ยินมาว่าน้ำประปาที่นี่กินได้ แต่ยังไงก็ไม่กล้ากินอยู่ดี ทำให้ไม่กล้าต้มมาม่ากินไปด้วย สุดท้ายต้องรอให้เพื่อนๆและพี่ๆที่เคยมาแลกเปลี่ยนต่างประเทศมาคอนเฟิร์ม ผมถึงได้ตัดสินใจดื่มมัน ไม่งั้นคงขาดน้ำตายอยู่ที่ไหนซักแห่ง = =" รสชาติของน้ำประปาที่นี่ให้ความรู้สึกแปลกๆนะ ไม่มีกลิ่นพวกคลอรีนก็จริง แต่ยังรู้สึกมีรสแปลกๆอยู่บนลิ้น รึว่าผมจิตตกไปเองที่เอาแต่คิดว่ามันเป็นน้ำประปาจนหลอนก็ไม่รู้ 5555 เอาหล่ะ ในเมื่อกินน้ำแล้วไม่ตาย งั้นก็ได้เวลาต้มมาม่าชามแรกแล้วว้อยยย ยะฮู้ววว!!! ^0^

มาม่าชามแรกในเวนโล น้ำค่อนข้างจ๋องแจ๋งเพราะใช้หม้อไซส์ปานกลางต้ม ไม่กล้าใช้กาน้ำร้อนเพราะสนิมมันเยอะไปจริงๆ

ผ่านมาแล้ว 2 วันกับชีวิตในเนเธอร์แลนด์ เห็นอะไรหลายๆอย่างที่แตกต่างจากไทยค่อนข้างชัด ทั้งกฏจราจรที่คนขับรถให้เกียรติคนเดินถนนกับจักรยาน ความสะอาดเรียบร้อยของเมือง และอื่นๆที่ผมอยากให้ไทยเอาตามอย่าง แต่ว่า เฮ้อออ ไม่รู้สิ ตราบใดที่คนไทยยังมีอคติต่อการพัฒนาตามต่างชาติเค้าโดยเอาคำว่า "ความเป็นไทย" มาเป็นเกราะกำบัง มันคงไม่มีวันนั้นหรอกมั้ง -.- แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามที ตอนนี้ผมโคตรคิดถึงเมืองไทยเลยหว่ะครับ T^T

และแล้ววันนี้ก็ผ่านไปอีกวัน ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดี...

Frozenize

View posts by Frozenize
A random guy, doing random stuffs that he randomly feels passionate about.

Leave a Reply

Scroll to top