วันนี้ผมก็ยังคงตื่นเช้ากว่านาฬิกาปลุกเหมือนเดิม ทั้งที่วันนี้ไม่มีนัดสำคัญอะไรแล้วแท้ๆ (ทำไมตอนอยู่ไทยทำไม่ได้แบบนี้บ้างว้าาา 5555) แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีถ้าหลังจากนี้ผมจะตื่น 6 โมงเช้าตลอด อย่างน้อยจะได้ใช้ชีวิตที่นี่คุ้มค่าขึ้นมานิดนึง 🙂
วันนี้ผมกะไว้ว่าจะเดินทำความคุ้นเคยในเมืองแต่เช้า เผื่อจะเจอร้านอะไรน่ากินๆบ้าง 5555 และก็จะหาซื้อพวกกับข้าวไว้ทำกินเองด้วย ซื้อทุกมื้อไม่ไหวแน่ = = ซึ่งผมก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จตั้งแต่ 8 โมงเช้า และรีบลงมาด้วยความตื่นเต้นนน > < พอเปิดประตูหอออกมา สภาพอากาศเหมือนเมื่อวานเป๊ะ ฝนตกปรอยๆ ลมโกรกเหมือนเดิม รู้สึกหนาวเหมือนเดิม และคิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกซักพักกว่าจะปรับตัวได้
พอลงมาปุ๊บผมก็รีบเดินไปในเมือง และผมก็ได้รับอีกหนึ่งบทเรียนในการใช้ชีวิตที่นี่ นั่นก็คือ ร้านค้าเค้าเปิดกัน 10 โมง!!! เพราะสภาพตอนที่ผมเข้าไปนั้น แทบไม่มีใครอยู่ในเมืองเลย นอกจากพนักงานอะไรซักอย่างที่กำลังดูดฝุ่นบนถนนอยู่ เงียบสงบได้ใจเลยทีเดียว -*- อากาศก็หนาว ร้านก็ยังไม่เปิด ผมเลยตัดสินใจว่าจะกลับหอก่อนดีกว่า แล้วพอ 10 โมงค่อยออกมา ผมก็เดินกลับมาที่หอแล้วขึ้นมาที่ห้อง ไขกุญแจเพื่อจะเข้าห้อง บิดซ้ายบิดขวา... เห้ย!!!!! ประตูไขไม่ออก!!! =[]= ผมพยายามเปิดดูหลายครั้งมันกไม่เปิดซะที ครั้นพอกระแทกไปก็ได้ยินเสียงกร๊อบแกร๊บเหมือนประตูจะหัก เสียเวลาไปกว่า 20 นาที จะหาใครช่วยก็ไม่ได้ T^T
นี่แหละ ประตูห้องเจ้าปัญหา จะบ้าตายยย -3-
แล้วผมก็นึกขึนได้ว่าผมหยิบนามบัตรของบริษัทที่ปล่อยเช่าหอนี้ใส่กระเป๋ามาด้วย (ถือเป็นโชคดีมากกก ไม่งั้นคงนอนตายอยู่หน้าห้องนั่นแหละ -.-) โดยที่เค้าบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้โทรไป ผมก็โทรไปและเล่าปัญหาให้เค้าฟังแบบตะกุกตะกักและไร้ซึ่งความถูกต้องของไวยากรณ์ แต่เค้าก็พยายามเข้าใจแล้วบอกว่าจะส่งพนักงานมาดูภายใน 20 นาที
เมื่อพนักงานมาถึง เค้าก็ทักทายตามปกติ แล้วก็ถามปัญหา ผมก็บอกเค้าไป และลองไขกุญแจให้เค้าดู เค้าก็ลองไขบ้าง แล้วกระแทกประตู 1... 2... 3... เห้ยยย!!! เปิดออกแล้ว!!! พนักงานเค้าก็หันมามองประประมาณว่า "เรียกให้บึ่งมา 20 นาทีเพื่อกระแทกประตู 3 ทีเนี่ยนะ???" แต่เพื่อเป็นการไม่เสียเที่ยว ผมเลยบอกอีกปัญหานึงไป คือห้องส้วมที่นี่เหมือนพัดลมดูดไม่ทำงาน พอทำธุระเสร็จมันจะมีกลิ่นคาอยู่ในห้องน้ำ แต่พอผมบอกเค้า ผมกลับได้รับคำตอบที่ผมต้องเงิบ เพราะเค้าบอกว่า ห้องที่นี่ไม่มีพัดลมดูด!!! ไอ้ที่มันคล้ายๆเครื่องดูดอากาศนั้นจริงๆมันเป็นท่อต่อขึ้นไปด้านบน (เพราะผมอยู่ชั้นบนสุด) อากาศและกลิ่นมันจะออกไปเอง สรุปผมเรียกเค้ามานี่ 20 นาที เค้าใช้เวลาแก้ปัญหาให้ผมไม่ถึง 3 นาทีด้วยซ้ำ = =" ขอโทษด้วยคร้าบบบบบ
พอเจอเหตุการณ์แบบนี้แต่เช้าแล้วผมไม่อยากจะออกไปไหนเลย รู้สึกเหมือนเป็นลางร้าย -3- กว่าจะทำใจออกมาได้ก็ตอนบ่าย 2 แล้ว เพราะจะออกไปซื้อพวกของจำเป็นไว้ติดหอซะหน่อย อย่างสก็อตไบรท์กับน้ำยาล้างจานเนี่ยเป็นต้น ผมก็ถามแหล่งซื้อของจากพี่เตย ผู้(ที่ผมคิดว่าน่าจะ)เชี่ยวชาญในดานการเอาชีวิตรอดที่นี่ ซึ่งเค้าก็แนะนำให้ผมไปที่ร้าน Jumbo พร้อมกับแคปแผนที่ส่งมาให้ด้วย ขอบคุณมากนะครัสสส ^^
ระหว่างที่เดินออกไป ผมก็ผ่าน City Hall ของโชว์ที่ผมเคยมานั่นแหละ แต่วันนี้มีคนมุงดูกันอยู่เต็มไปหมด ไอ้เราก็สงสัยว่ามีใครตีกันรึเปล่า ถึงได้มีดัตช์มุง(อารมณ์ประมาณไทยมุง 5555)กันอยู่แถวนั้นเต็มไปหมด ก็เลยเข้าไปดู ปรากฏว่าไม่ใช่คนตีกัน ไม่ใช่เปิดท้ายขายของ แต่เป็นคู่บ่าวสาวยืนอยู่ตรงหน้า City Hall จ้าาา ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเค้าจัดงานแต่งที่นี่หรือมาจดทะเบียนสมรสเฉยๆหรืออะไร แต่ผมรู้สึกดีนะ ที่ City Hall นี่ก็ยังมีประโยชน์ใช้สอยอยู่ 5555
คู่บ่าวสาวที่ผมแอบเก็บภาพมา (จะบอกว่า City Hall ที่นี่สวยมากกกกกกก > <)
พอผมไปถึงร้าน Jumbo ก็พบว่า ร้าน Jumbo สาขานี้มันอยู่ชั้นใต้ดินครับ อยู่ใต้ H&M เลย (ถึงว่า ก่อนหน้านี้ก็เดินผ่านโซนนี้ทำไมไม่เห็น) เข้ามาข้างในปุ๊บผมงงตั้งแต่ทางเข้าละ เพราะผมเห็นแต่เคาน์เตอร์แคชเชียร์เต็มไปหมด เลยยืนรอคนต่อไปที่กำลังจะมาซื้อของว่าเค้าเข้ากันทางไหน สรุปคือมันมีทางเข้าอยู่ด้านหน้านั่นแหละ เป็นประตูเล็กๆ แค่เลี้ยวขวาก็เจอแล้ว = =" บรรยากาศในร้านชวนให้นึกถึงเทสโก้โลตัสแถวบ้านเรา แต่ต่างกันตรงที่ที่นี่เล็กกว่า ทั้งร้านก็แทบจะเป็นสีเหลืองหมดตามโลโก้ร้าน และพวกอุปกรณ์เครื่องใชไฟฟ้าไม่มีขายที่นี่แค่นั้น
ทีนี้ก็ถึงเวลาซื้อของแล้ว ซึ่งไอ้การซื้อของจิปาถะเข้าที่พักครั้งแรกของผมมันก็ยากอยู่แล้ว แต่นี่ของทุกอย่างแทบเป็นภาษาดัตช์หมดเลย คนที่จะให้คำปรึกษาได้อย่างพี่เตยก็ดั๊นนนไปทัศนศึกษาที่เยอรมันกับมหาวิทยาลัยใหม่เค้าอีก ผมเลยต้องพึ่งพา "กูเกิลแปลภาษาาาาา" (สำเนียงโดเรม่อน) ซึ่งก็แปลตรงบ้างไม่ตรงบ้าง แต่ผมก็รอดออกมาได้โดยใช้เวลาในการเลือกของประมาณชั่วโมงนึง =[]= (ก็มันเลือกไม่ถูกนี่หว่าว่าจะซื้ออะไร -3-) สรุปของที่ได้มาก็มีนม ขนมปัง แซนวิชสเปรด ทูน่ากระป๋อง โค้กวานิลลา น้ำยาล้างจาน และก็สก็อตไบรท์
แล้วพอตอนจ่ายเงินนี่ก็เด็ดพอกัน พนักงานพูดกับเราเป็นภาษาดัตช์ตามคาด เราก็ถูๆไถๆไป จ่ายเงินตามปกติ สักพักเค้าถามประโยคยาวๆมา ผมตอบไม่ได้ก็เลยเงียบใส่ไป ซึ่งมันค่อนข้างจะผิดมารยาท T^T หลังจากพินิจพิเคราะห์ตอนหลังแล้ว ก็คาดว่าเค้าน่าจะถามว่าต้องการถุงพลาสติกมั้ย เพราะที่นี่ถุงพลาสติกก็จะคิดตังด้วย!?! (ด้วยเหตุนี้พี่เตยเลยให้เตรียมถุงไปด้วย และแน่นอน คนอื่นที่ไปช็อปส่วนใหญ่ก็เอาถุงผ้าไปเหมือนกัน)
บรรดาของทั้งหมดที่ใช้เวลาเลือกกว่าชั่วโมง ในสนนราคารวม 7.75 ยูโร (กี่บาทไทยไม่รู้คำนวณเองนะ _ _")
จากนั้นผมก็กลับมาถึงหอ แล้วก็จัดการทำแซนวิชกินก่อนเลย เพราะผมหิวมากกกกก (การไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้ามันก็ต้องหิวเป็นธรรมดาป่าวฟะะะ) โดยแกะทูน่ากระป๋องมาทาขนมปังเพื่อเป็นแซนวิช และกินกับโค้กวานิลลา พอกัดคำแรกเข้าไป อื้อหือออ ไม่ใช่อร่อยนะครับ เหนียว!!! คือขนมปังแผ่นแรกมันจะเป็นตรงกระโหลกที่มีขอบทั้งด้านอยู่ด้านนึง แล้วไอ้ขอบนั้นหน่ะมันเหนียวหยั่งกะขนมปังปลา -*- ยังดีที่ความฟินของโค้กวานิลลาช่วยแก้อารมณ์หงุดหงิดลงไปได้เยอะะะ~ (ของแบบนี้ต้องลองครับ 5555)
สภาพแซนวิชที่ทำกิน ไม่เน้นสวยงาม ไม่เน้นรสชาติ เน้นอยู่รอดอย่างเดียว T^T
วันนี้ผมว่าผมได้อะไรเยอะนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความผิดพลาดเนี่ย 5555 เพราะลองนึกในแง่ดี การเจอปัญหาแต่แรกก็ดีนะ คือเราจะได้รู้ทางแก้ตั้งแต่วันแรกๆ แล้วอย่างตอนนี้รูมเมทผมก็ยังไม่มา เวลาอายก็อายคนเดียว ถ้าพลาดตอนรูมเมทมานี่ต้องอายหลายคนนะ -.- และผมก็เชื่อว่า ไอ้ความผิดพลาดนี่แหละ ทำให้คนแข็งแกร่งขึ้น (รึป๊อดขึ้น? = =) แต่ยังไงก็เหอะ รูมเมทอีกสองคนหน่ะ รีบมาได้มั้ยยย เหงาโว้ยยย ฮรือววว T^T
และแล้ววันนี้้ก็ผ่านไปอีกวัน ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดี...