ด้วยผลพวงจากเด็กแว้นเมื่อคืน ทำให้วันนี้ผมตื่นเพราะนาฬิกาปลุกอีกแล้วครับ = =" (ไม่ได้แก้ตัวนะ ไม่ได้อ้างด้วย จริงจรี๊งงงงง) วันนี้ผมตั้งใจว่าจะอยู่แต่ในหอเหมือนเดิม เพราะอย่างที่เคยบอกไปว่า ไม่รู้จะออกไปทำอะไร และก็จะได้หาข้อมูลสำหรับการเดินทางไปไอนด์โฮเฟ่นในวันพรุ่งนี้ และการเดินทางไปมหาวิทยาลัยในวันมะรืนนี้ด้วย กะว่าถ้าไม่แน่ใจเรื่องการนั่งรถไฟ ก็จะไม่ไปด้วยซ้ำ จะได้ไม่ต้องออกจากหอ (กลายเป็นหมาเฝ้าห้องเหมือนตอนอยู่ไทยเลยให้ตายสิ -.-)
แต่ดูท่ายังไงพรุ่งนี้ผมก็ต้องออกจากหอแน่ๆ เพราะว่าตอนนี้ เสบียงมันหมดแล้วนะสิครับ T^T ขนมปังแผ่นสุดท้ายหมดลงในมื้อเช้า นมก็หมดด้วย นิชชินก็เหลือแค่ 2 มื้อพอดี ถ้าไม่ออกไปซื้อพรุ่งนี้ มีอดอาหารแน่นอน _ _" จากนั้นช่วงเช้าผมก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย ขลุกอยู่แต่ในหออย่างเดียว ซึ่งความจริงนอกจากเหตุผลอื่นๆที่บอกไปตอนแรกแล้ว อีกเหตุผลนึงที่ผมไม่คิดจะออกไปเพราะว่า เท่าที่รู้มานั้น ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดวันอาทิตย์ครับ อันนี้ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด แต่ยังไงก็ไม่อยากออกไปเก้อแล้ว มันหนาววววว -3-
จนกระทั่งมื้อเที่ยงครับ ผมก็ต้มนิชชินกินตามปกติ แต่พอกินไปได้ซักพักเริ่มแสบเพดานปาก กินเสร็จผมเลยรีบไปเช็กเพดานปากผมในห้องน้ำ ปรากฏว่าลอกมาเป็นแผ่นเลยจ้าาาาา T^T เดิมทีผมก็เป็นคนที่เพดานปากลอกง่ายเวลากินของร้อนอยู่แล้ว (สายตาสั้น เข้าพัง ลำไส้มีปัญหา เพดานปากดั๊นนน ลอกอีก เอาอีก มาอีก อาการป่วยอะ มาเยอะๆ ฮรือววว) แต่คราวนี้มันลอกเยอะกว่าตอนอยู่ไทยมาก คาดว่าหนังที่ลอกออกมาใหญ่พอจะจดเบอร์โทรศัพท์เพื่อนโดยไม่ต้องใช้สมุดโน้ตเลยทีเดียว คิดว่าคงเป็นเพราะอุณหภูมิร่างกายกับอุณหภูมินิชชินมันคงต่างกันเกินไป ถึงได้ลอกขนาดนี้ บอกได้คำเดียวว่า แสบบบ!!!
เสร็จจากมื้อเที่ยงคราวนี้ก็เป็น Premier League Time ครับ วันนี้ลิเวอร์พูลทีมโปรดผมลงสนามซะด้วย ซึ่งผมก็กะจะดูจนจบ จนกระทั่งเพื่อนผมโทรเรียกให้ผมไปเจอ เพื่อนคนนี้เป็นคนไทยครับ ชื่อว่า ซาย ผมเจอเข้าตอนงานประชุมที่ Nuffic Neso เค้าจะมาเรียนที่เบรด้า แต่เค้าเคยแลกเปลี่ยนมาอยู่เวนโลมาก่อนแล้ว เมื่อวานเค้าแวะมาเวนโลเพื่อพักก่อนหอจะเปิดวันนี้ เค้าก็เลยเรียกผมไปเจอ ความจริงก็เสียดายนะที่จะไม่ได้ดูลิเวอร์พูล แต่เพื่อนเรียกยังไงก็ต้องไปแหละ -.-
เค้าเรียกให้ผมไปเจอที่ห้าง Saturn แต่ผมไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ผมเลยให้เค้ามาเจอผมที่ห้าง Jumbo พอซายมาถึงผมก็ทักทายกันตามปกติ ซึ่งเค้ามากับเพื่อนกับครอบครัวเพื่อนเค้าด้วย โดยเค้าจะไปที่สถานีรถไฟเวนโลกัน เพราะ OV-Chipkaart (บัตรเงินสดของพวกรถโดยสารสาธารณะ ที่ผมว่าผมยังไม่มีนั่นแหละ เลยต้องจ่ายเป็นเหรียญ) ของซายมีปัญหา ผมก็ติดสอยห้อยตามไปด้วย ดีเลย ผมจะได้เก็บข้อมูลก่อนว่าผมต้องมาซื้อตั๋วอะไรยังไงในวันพรุ่งนี้
พอเข้ามาที่สถานีรถไฟ ซายก็เข้าไปในเคาน์เตอร์ Ticket&Service เพื่อติดต่อเรื่อง OV-Chipkaart ส่วนผมก็รออยู่ข้างนอกแล้วถือโอกาสสำรวจรอบๆซะเลย ซึ่งผมก็เจอตู้ออกบัตรโดยสารหน้าจอทัชสกรีน 2 แบบ แบบนึงสำหรับ OV-Chipkaart อีกแบบสำหรับหยอดเหรียญ นั่นหมายความว่าผมเจอปัญหาเหรียญไม่พอแน่นอน -*- แต่ผมก็วางแผนล่วงหน้าไว้แล้วว่าพรุ่งนี้ผมจะมาซื้อตั๋วผ่านเคาน์เตอร์ Ticket&Service เพราะดูเหมือนที่นี่จะรับแบงค์แฮะ
พอซายเคลียร์ธุระเสร็จ ผมก็ขอแยกตัวออกมา และก่อนกลับผมก็เดินวนเล่นรอบเมืองซะหน่อย (ไม่รู้จะวนทำไม) ปรากฏว่าร้านค้าหลายๆร้านยังเปิดปกติ!!! อ้าววว ใครบอกฟะว่ามันปิดวันอาทิตย์ โด่ววว -3- แต่ยังไงก็เหอะ ผมก็ไม่กล้าซื้ออะไรอยู่ดี ด้วยเหตุผลเดิม "ไม่กล้าพูดกับพนักงาน" สุดท้ายก็เดินปวดท้องกลับบ้าน เสบียงก็หมด จะกินมาม่าก็เพดานพองอยู่ = =" ขากลับผมเดินเลียบแม่น้ำหรือคลองอะไรสักอย่างไม่รู้ ซึ่งแถวนี้จะบรรยากาศดี ลมแรงเย็นสบาย (แต่ผมจะตาย หนาวชะมัด =.,=) ก็เลยเก็บภาพมานิดนึง
บรรยากาศริมแม่น้ำ (หรือคลองก็ช่างเหอะ) ความจริงมีมุมที่สวยกว่านี้นะ แต่ถ่ายไม่ไหว มือชาไปหมด
จนถึงวันนี้ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่า ผมขี้อายมากเกินไป และไอ้ความขี้อายขี้กลัวนั่นแหละ มันกำลังจะทำผมอดตาย!!! ผมก็เลยสัญญากับตัวเองว่า วันพรุ่งนี้ผมจะพยายามเดินไปสั่งของกินให้ได้ ผมจะได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติ ไม่ใช่มุดอยู่แต่ในรังแบบนี้ และผมก็ภาวนาว่าผมจะทำได้อย่างที่พูดอะนะ 5555
และแล้ววันนี้ก็ผ่านไปอีกวัน ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดี...