หลังจากเครื่องบินเทคออฟมาแล้ว ผมรู้สึกเกร็งเล็กน้อย ความรู้สึกหวิวๆเหมือนเล่นรถไฟเหาะไม่มีผิด ยังดีที่เครื่องบินมันไม่เหินตีลังกาด้วย ไม่งั้นช็อกตายคาเก้าอี้ไปแล้ว = =" อย่างว่าแหละ นี่มันเป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรก มันก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมด๊าาา (ไม่ได้ป๊อดนะบอกเลย 5555)
ระหว่างนั้นทางสายการบินก็มีการสาธิตวิธีการปฏิบัติเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน ซึ่งเป็นวีดีโอขึ้นมาบนหน้าจอตรงหน้าเรา (หลังพนักพิงคนข้างหน้า) และแน่นอน เนื่องจากมันเป็นสายการบิน China Airline คลิปวีดีโอเลยโซโล่มาเป็นภาษาจีนซับอังกฤษ และภาษาอังกฤษซับจีนตามลำดับ คือจากที่เข้าใจๆเลยไม่เข้าใจเพราะงี้แหละ ไหนๆจะพูดทั้งสองภาษาละทำไมไม่ขึ้นภาษาให้มันตรงกันฟะะะ -*-
พอผ่านช่วงเวลาแห่งการหูอื้อไปแล้ว (คือลืมเอาหมากฝรั่งขึ้นไป ตอนเทคออฟต้องอาศัยการกลืนน้ำลายเป็นสิบๆรอบแก้หูอื้อแทน -.-) ทีนี้ก็ถึงเวลาสำรวจสภาพแวดล้อมกันแล้ว เริ่มที่ผู้โดยสารก่อนแล้วกัน ตำแหน่งที่นั่งของผมคือ 17B โซน 2 (ซึ่งได้บอกไปแล้วว่าจะตรงกับปีกเครื่องบินพอดี และเป็นแถวถัดจากริมหน้าต่าง ติดทางเดิน) ที่นั่งทางซ้ายมือผมที่ติดหน้าต่าง จะเป็นสาวจีนคนนึงที่เอาแต่หลับเกือบตลอดทั้งทาง บางทีก็อยากถามว่าทำยังไงให้หลับ เพราะผมก็ได้แต่หลับๆตื่นๆตลอดทาง ส่วนทางขวาของผมเป็นผู้หญิงที่มากับลูกหน้าตาฝรั่งๆหน่อย (เพิ่งรู้ตอนถึงเนเธอร์แลนด์ว่าเป็นคนไทย) ส่วนด้านหน้านี่เป็นผู้ชายที่ออกเริ่ดๆเชิดๆ ใช่ครับ ผมใช้คำถูกแล้ว เริ่ดๆเชิดๆ อารมณ์ประมาณพวกไฮโซเซเลป แต่ถ้าจำไม่ผิดตอนยื่นพาสปอร์ตเข้าเกท เค้าต่อหลังผมมา ตอนแรกนึกว่าเป็นคนไทย แต่พอมองพาสปอร์ตในมือ อ้าววว ภาษาลาว -.- ส่วนด้านหลังผมนี่ไม่รู้เป็นใครเหมือนกัน ไม่ได้หันไปมอง รู้แต่ว่ามันจิ้มหน้าจอหลังผมแต่ละทีนี่แทบทะลุมาโดนหัวผมเลยมั้ง จิ้มแรงมากกกกก -*-
อีกอย่างนึงที่สังเกตได้จากผู้โดยสารคือ คนดัตช์นี่สูงสมราคาชาติที่ความสูงเฉลี่ยประชากรสูงที่สุดในโลกจริงๆ เด็ก 13-14 บางคนสูงเลยผมไปแล้ว แล้วหน้าตาแต่ละคนนี่ก็หยั่งกะนายแบบนางแบบ เด็กผู้ชายบางคนมองผ่านๆ นึกว่า Austin Mahone อะไรประมาณนั้นเลย แต่พวกผู้ใหญ่วัยกลางคนนี่ขอไม่พูดถึงละกัน 5555
ต่อไปก็ได้เวลาเล่นของกันต่อ ก็คือหน้าจอที่อยู่ข้างหน้านั่นแหละ มันก็เป็นหน้าจอทัชสกรีนที่มีทั้งเกม เพลง หนัง ซีรี่ย์ วิทยุ หรือแม้แต่ข้อมูลของไฟลต์ที่เรานั่งอยู่ แถมยังสามารถกดดูวีดีโอสดจากใต้ท้องเครื่องบินได้ด้วยว่าตอนนี้เรากำลังบินผ่านอะไร ซึ่งก็แก้เบื่อได้ในระดับนึง แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้มีให้เลือกเยอะเท่าไหร่ และภาษาที่มีก็มีแค่จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น ทำให้ใครที่ไม่ค่อยชำนาญก็คงเซ็งไปตามๆกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนซีรี่ย์เกาหลี แหม่ ก็เล่นมี "A Man Who Came From The Star" ครบทุกอีพี แต่ไม่มีซับไทย 55555555
ซักพักนึงประมาณ 1-2 ชม. หลังเทคออฟ แอร์โฮสเตสก็เริ่มทยอยเสิร์ฟดินเนอร์ (ฟังไม่ผิดหรอกครับ ดินเนอร์!!! เพราะเค้าอ้างอิงเวลาของปลายทาง ซึ่งตอนที่กำลังเสิร์ฟอยู่หน่ะมันประมาณ 5 ทุ่ม) มีให้เลือกระหว่างพาสต้าไก่กับข้าวผัดไก่ ซึ่งผมก็เลือกพาสต้าไก่มา ส่วนเครื่องดื่มผมเลือกเป็นน้ำแอปเปิล ความจริงรสชาติก็อร่อยดี แต่ผมรู้สึกว่าผมพลาดมาก ทำไมเหรอ ก็คนอื่นที่เค้าถามทีหลังผมนี่สั่งไวน์แดงกันทั้งนั้น มีไวน์ก็ไม่บอกกกกก -3- แล้วแอร์โฮสเตสคนที่เสิร์ฟเนี่ยเป็นคนไทย แต่ก็ถามเมนูผมเป็นภาษาจีนซะงั้น คือสรุปผมหน้าจีนจริงๆใช่มั้ย = =
หลังจากนั้นเค้าก็ดับไฟให้นอนหลับ แต่ประเด็นคือผมนอนไม่หลับหว่ะครับ ทั้งเครียด ทั้งกังวล ทั้งกลัว ไหนจะเมาเครื่องบินอีก ก็เลยหาเพลงฟังอะไรเรื่อยเปื่อย นั่งจัด Playlist เพลงแล้วก็นั่งฟังให้มันเคลิ้มๆ แต่มันก็หลับๆตื่นๆ แทนที่จะนอนเต็มอิ่มเลยกลายเป็นรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้นอนเลย เวลาก็เดินไปอย่างเชื่องช้า เป็นอะไรที่น่าเบื่อจริงๆ
อีกไม่นานปัญหาก็มาครับ นั่นก็คือ ผมปวดฉี่ แล้วประเด็นคือผมไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน แถมไฟก็มืดอยู่ ผมก็เลยตัดสินใจ "อั้น" ครับ อั้นจนกว่าจะมีคนอื่นลุกไปเข้าห้องน้ำนั่นแหละ แต่ผมไม่เข้าใจอย่างแรงว่า ก่อนหน้านี้เครื่องมันก็บินนิ่มๆดีๆของมัน แต่พอตั้งแต่ผมปวดฉี่นี่ เครื่องบินตกหลุมอากาศบ๊อยยยบ่อย ยิ่งทำให้ทรมานเข้าไปอีก T^T สุดท้ายพอมีผู้หญิงคนนึงลุกนำ ผมก็เลยลุกตาม (ไม่รู้ว่าเค้าจะคิดว่าผมเป็นโรคจิตรึเปล่า 5555) และก็ได้เข้าห้องน้ำซะที
ถึงเวลาอาหารเช้าในช่วงสองชั่วโมงสุดท้ายก่อนถึงที่หมาย ซึ่งคราวนี้ไม่มีไวน์แล้ว T^T และเมนูก็เปลี่ยนไปเป็นให้เลือกระหว่างก๋วยเตี๋ยวผัดไก่กับไข่และไส้กรอกไก่ (เฮ้ย เป็นอะไรกับไก่มากรึเปล่าสายการบินนี้ 5555) ซึ่งผมก็เลือกเป็นก๋วยเตี๋ยวผัดไก่ แต่อาหารรอบนี้มันทำผมอายตรงที่ว่า อาหารรอบก่อนหน้านี้แอร์โฮสเตสคนไทยมาถามใช่มั้ยครับ ผมก็นึกว่าแอร์โฮสเตสบนเครื่องเป็นคนไทยทั้งหมด คราวนี้ผมก็เลยตอบเค้าเป็นภาษาไทยไปเลย แต่แอร์คนที่ผมตอบไป เค้าไม่ใช่คนไทยหว่ะครับ เค้าเป็นคนจีน!!! งานนี้คนถามก็งง คนตอบก็เงิบ อายม้วนเลยทีเดียว -.-
ช่วงที่เครื่องบินใกล้ลงจอด หน้าจอจะมีขึ้นมาว่าอีกกี่นาทีถึงจะถึงที่หมาย ผมก็นั่งเคาท์ดาวน์เลย แต่กัปตันแกก็ขับวนอยู่ประมาณ 2 รอบก่อนลงจอด เวลามันเลยไม่ลดลงซะที ส่วนตอนลงจอดนี่ก็อารมณ์เดียวกับตอนขึ้น แค่ตอนลงสู่สนามสคิปโพลมันไม่สมูทเหมือนตอนขึ้นมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ สุดท้ายเครื่องบินก็จอดสนิท ด้วยระยะเวลารวม 12 ชั่วโมงกว่า กับระยะทาง 9983 กิโลเมตร ในที่สุดผมก็มาถึงซะที สวัสดีเนเธอร์แลนด์ 🙂
และแล้วไฟลต์นี้ก็สิ้นสุดลง ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี...