สัปดาห์นี้ยังคงเป็นช่วงเวลาแห่งการปิดเทอมเช่นเดิม ถ้าเป็นเพื่อนๆที่ไทยคงจะคิดว่า "โห สบายละสิ ไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ นั่งเล่นเกม บลาๆๆ"
แต่ถ้าได้มาลองกับตัวเองแล้วจะรู้ ว่าความจริงแล้วชีวิตมันไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้นหว่ะครับ...
สาเหตุประการแรกเลยก็เรื่องเดิมๆฮะ เงินอีกแล้ว (แหงหล่ะ เรื่องเงินเรื่องใหญ่ 5555) เพราะเราเองก็เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเงินจะเหลือมากพอสำหรับตอบโจทย์ความต้องการตัวเองทุกอย่าง มันก็ต้องมีการบริหารจัดการกันบ้าง เนื่องจากเงินเราก็หมดไปส่วนหนึ่งกับทริปออสเตรีย-เช็คเมื่อปีใหม่ด้วย ซึ่งเรื่องนี่แม่ผมได้เคยพูดไว้อย่างน่าสนใจว่า
"ถ้าอยากจะเรียนเศรษฐศาสตร์ แต่ยังบริหารจัดการเงินตัวเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องเรียนหรอก"
จุกไปดิ...
แต่ก็นะ เงินที่ใช้ก็ภาษีประชาชนทั้งนั้น ตอนนักการเมืองโกงกินนี่เราประท้วงหวงเงินภาษีกันเย้วๆ ครั้นตอนนี้เราจะเอาไปใช้แบบสุรุ่ยสุร่ายบ้าง เราก็ไม่ต่างอะไรกับนักการเมืองพวกนั้นหรอกจริงมั้ย?
อีกประการที่น่าจะส่งผลไม่แพ้กันคือ "ไม่รู้จะทำอะไร" ครับ เห้ย อย่าทำหน้าไม่เชื่อสิ คือพอได้มาอยู่ในระยะเวลานึง ความน่าตื่นตาตื่นใจของสิ่งต่างๆรอบตัวมันก็ลดน้อยถอยลงไป กลายเป็นการใช้ชีวิตแบบปกติเหมือนกับอยู่ไทยไม่มีผิด
แล้วตอนอยู่ไทย ถ้าเราเซ็งก็แค่ออกไปหาเพื่อน นัดเตะบอล สังสรรค์ นั่งชิล อะไรก็ว่ากันไป แต่ที่นี่มันไม่ใช่ไง บอลก็ไม่ใช่ว่าอยากไปเตะก็ไปได้ คนไทยแต่ละคนที่อยู่ในเมืองเดียวกันก็รุ่นพี่ทั้งนั้น ไลฟ์สไตล์มันไม่ตรงเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกันหรอก สุดท้ายพอไม่มีอะไรทำ ก็นั่งหน้าคอม เล่นเกมเดิมๆมันซ้ำๆ ครั้นจะไปปาร์ตี้ มันก็ไม่ใช่แนวผมอีกแล้ว (เรื่องนี้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ากลายเป็นพวกแอนตี้ปาร์ตี้ตั้งแต่เมื่อไหร่)
พูดได้เลยว่าชีวิตที่มีเวลาว่างแต่ไม่รู้จะทำอะไรนี่มันทรมานไม่ต่างกับการติดคุกเลยนะ แค่คุกมันกว้างขึ้นโดยมีโลกเราเป็นรั้วกั้นแทนแค่นั้นเอง
นอกเรื่องมานานเลยแฮะ = =" กลับเข้าเรื่องแล้วกัน...
ด้วยความที่ว่าผมว่างถึงว่างมากเนี่ยแหละ ทำให้ผมมีเวลาหาข่าวกับกิจกรรมนู่นนี่ แล้วก็ไปรู้ข่าวทั้งจากรุ่นพี่และพี่ไนท์จากสถานทูต ว่าน้องๆ ODOS 4.3 ทั้งหมด 7 จาก 9 คนที่มาเนเธอร์แลนด์ จะเดินทางมาพร้อมพี่ๆจากสำนักงาน ก.พ. ในวันอังคารนี้
นี่ไงหล่ะ ในที่สุดก็มีเรื่องให้ทำแล้ว!!! ว่าแล้วผมก็ขอเสนอตัวไปดูแลและช่วย(?)น้องๆในเรื่องการย้ายเข้าพัก และแนะนำข้อมูลจิปาถะในการใช้ชีวิตซะเลย ถือเป็นการชดเชยความผิดที่ตอนเปา (ODOS คนแรกที่มาถึงแล้ว) มาเราไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย และถือโอกาสได้ไปเจอพี่ธนิดา พี่จากสำนักงาน ก.พ. ที่คอยดูแลเราจากวันแรกที่รับทุนจนถึงวันเดินทางมาด้วย
ความจริงจะเรียกว่าน้องก็คงไม่ได้หรอก เพราะถ้าวัดรุ่นก็รุ่นเดียวกัน ครั้นจะวัดอายุ เราก็อ่อนกว่าทุกคนที่มาซะอีก -.-
แต่ถ้าวัดหน้าตานี่ผมแก่ชนะเลิศนะ 5555
พี่ไนท์ได้นัดผมไว้ตอน 14.30 น. ที่สำนักงาน DUWO เมือง Den Haag (หรือ The Hague จะเรียกอะไรก็เรียกเถอะ 5555) ที่เป็นเอเจนซี่จัดหาห้องให้กับ ODOS 4.3 ทุกคนที่จะมาเซ็นสัญญากันที่นี่ โดยนอกจากผมที่มาแล้ว ODOS 3 อย่างพี่บอสจากเมือง Delft และพี่บิวที่เรียนอยู่ที่นี่อยู่แล้วก็มาช่วยด้วยเหมือนกัน
จะว่าไปคือ Delft กับ Den Haag ยังใกล้กัน ผมนี่ดูจุ้นสุดแล้วที่ถ่อจากชายแดนอย่าง Venlo มาที่นี่เนี่ย = ="
*Den Haag นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญของเนเธอร์แลนด์เลยทีเดียว เพราะเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของที่นี่รองจาก Amsterdam และ Rotterdam แล้วก็เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญมากมาย ทั้งทำเนียบรัฐบาล ศาลโลก หาด Scheveningen เอ้อออ สถานทูตไทยก็ด้วยนะ อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก!!!
แอบนึกถึงตอนที่ตัวเองมาถึงครั้งแรก ที่มีพี่เตย (ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็น เตย ด้วยสถานะที่เปลี่ยนไป -///-) มารับที่สนามบิน ถึงสุดท้ายจะต้องสตาร์ทด้วยตัวเองแทบทุกอย่างตอนที่มาถึง Venlo ก็เหอะ
เริ่มต้นเราก็ทักทายกับเพื่อนๆ (เรียกเพื่อนละกันนะ แหะๆ) รวมทั้งพี่ธนิดา และพี่คนอื่นๆจากสำนักงาน ทั้งพี่ต่าย และพี่นิดา ซึ่งก็ทำให้เรารู้ว่าทั้ง 7 คนจะมาเรียนที่ The Hague University of Applied Sciences ที่เรียนเดียวกับพี่บิวซึ่งมีอาคารอันใหญ่โตโอ่อ่าราวกับโคลอสเซียม (นี่พูดเลย) ก่อนที่ทั้ง 7 คนจะเซ็นสัญญาเช่าที่พักและรับกุญแจ
ทีนี้งานเริ่มมาแล้วครับ พี่ไนท์เริ่มแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่มตามที่อยู่ของที่พัก โดยให้ผม พี่บอส และพี่บิว แยกกันพาแต่ละคนไปที่ที่พัก แนะนำที่ซื้อของ และซื้อซิมโทรศัพท์ โดยมีพี่ๆ ก.พ. ติดตามไปด้วย ซึ่งสายของผมที่ต้องดูแลคือบิว ที่พักอยู่ที่ Rijswijkseweg และพี่ ก.พ. ที่ติดตามมากับผมคือพี่ธนิดาครับ
ขุ่นพระะะะะ เอาละไง ต้องนำทางหญิงสาว กับพี่ที่เคารพรักของนักเรียน ODOS ทุกคนทุกประเทศแบบนี้ ไม่กดดันก็บ้าละ =[]=
ไม่นานนัก รถของทางสถานทูตก็มารับพวกเราไปส่งที่ที่พักของบิว ระหว่างทางก็ได้รู้ว่า บิวมาจากโรงเรียนเดียวกับเอิร์ธ ซึ่งเป็นเพื่อน ODOS 4.2 ของผมที่ไปเรียนอังกฤษ ดีเลย จะได้คุยกันง่าย
พอรถจอด พวกเราก็ลากกระเป๋าไปที่ที่พัก ซึ่งพอดูสภาพภายนอกแล้วเหมือนจะเป็นบ้านคนมากกว่า มีชั้นเดียว ดูจากด้านนอกผมก็ว่าไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรถ้าเทียบกับ 430 ยูโรต่อเดือนที่บิวต้องจ่าย
แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไป ผมแทบจะถอนความคิดตะกี๊ออกไปเลย...
สภาพในตัวห้องบิวเองไม่ได้แย่นะครับ ค่อนข้างกว้างจนผมอิจฉาด้วยซ้ำ แต่พื้นที่ที่เป็น Shared Area กับเพื่อนร่วมบ้านอีก 3 ห้องนี่ถือว่าสกปรกจนน่าละเหี่ยใจ ขยะกระจายเต็มพื้นทั้งๆที่เป็นทางเข้า จักรยานจอดระเกะระกะอยู่หน้าเครื่องซักผ้า
ส่วนเฮาส์เมททั้ง 3 ห้องถือว่าเป็นมิตรดี ห้องหนึ่งเป็นสาวจีน อีกห้องนึงเป็นหนุ่มฝรั่ง ส่วนห้องสุดท้ายไม่ทันได้มอง แต่ที่แน่ๆคือพวกนี้น่าจะอยู่มานานแล้ว (แหงหล่ะ หอถึงได้เละขนาดนั้น) โดยสาวจีนก็รับปากว่าจะช่วยดูแลบิวให้ ผมกับพี่ธนิดาก็สบายใจได้ระดับนึง
จากนั้นผมก็พาทั้งสองคนไปซื้อของที่ Jumbo และ Action ซึ่งอยู่ห่างออกไป 2 แยก และก็แนะนำเรื่องการซื้อของนิดหน่อย ซึ่งระหว่างนี้ก็มีปัญหาแค่การหานมข้นหวานให้บิวไว้ทาขนมปังแค่นั้นแหละ (เราพยายามแล้วนะ T^T) เป็นอันเสร็จพิธี
หลังจากที่เก็บของที่ซื้อมาเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปรวมตัวกันที่ร้านอาหารไทยหน้าสถานี Den Haag HS ที่ชื่อ Phad Thai เพื่อกินข้าวด้วยกัน ซึ่งพวกเราก็ไปสายกันเพราะเราหานมข้นให้บิวไม่ได้นั่นแล...
จนถึงบรรทัดนี้ นึกออกมั้ยครับว่าผมลืมอะไร...
ใช่ครับ ซิมการ์ด...
และแล้วก็มีเรื่องบกพร่องอีกจนได้หน่าศิริว้าดดดดดดด!!! -*-
ระหว่างกินข้าวกัน ทุกคนก็ต่างแชร์ประสบการณ์หอพักตัวเองกัน ก็ทำให้ผมรู้ว่าหอแต่ละคนก็เจอปัญหาต่างๆนานา ทั้งเมทดูดกัญชา (อันนี้ผมเฉยๆแต่เพื่อนๆไม่เฉยด้วย) ฮีทเตอร์ไม่ทำงาน ฯลฯ และคนที่ต้องจ่ายค่าหอแพงสุดนี่สูงถึง 560 ยูโรเลยทีเดียว เห้ยยย นั่นมันเกินครึ่งงบที่ได้รายเดือนอีกนะ!?!
พอกินข้าวกันเสร็จ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับที่พัก บางส่วนสถานทูตก็ไปส่ง อีกส่วนหนึ่งผมกับพี่บอสก็เดินไปส่ง
ระหว่างทางเดินไปนั้น ในหัวผมนี่มีหลายเรื่องตีกันไปหมด...
นึกถึงความเป็นอยู่ของแต่ละคนที่มาถึงคราวนี้ ทุกคนจะอยู่กันได้มั้ย พาลนึกไปถึง ODOS 4.3 คนสุดท้ายที่กำลังจะมาและไปเรียนที่เมืองผม ว่าถึงตอนนั้นเค้าจะอยู่ได้มั้ย...
นึกถึงอนาคตตัวเอง ถ้าเราย้ายไปเมืองที่ใหญ่พอกันอย่าง Rotterdam เราจะเจอหอแบบไหน ค่าใช้จ่ายขนาดไหน สังคมเปลี่ยนไปขนาดไหน...
นึกถึงเพื่อนๆ ODOS ประเทศอื่นๆบ้าง หลังจากได้คุยกับพี่ธนิดา ตอนนี้จะเป็นไงกันบ้างก็ไม่รู้...
ให้ตายสิ มีแต่ความกังวลเต็มไปหมด...
แต่ในความกังวลทั้งหมดที่ว่า มันยังมีเรื่องนึงที่ทำให้ผมยังยิ้มได้ที่มุมปาก...
ครอบครัว ODOS เราอบอุ่นขึ้นอีกแล้ว 🙂
Tot volgende week!
ปล. แอบเปลี่ยนวิธีเขียนนิดหน่อย ถ้าอ่านยากขึ้นขอโทษด้วยนะครับ