สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน (จะมีหรือไม่มีก็สวัสดีไว้ก่อนล่ะ) วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ใช่ครับ นับตั้งแต่บล็อกสุดท้ายที่ผมเขียนไว้ในวันที่บินกลับจากเนเธอร์แลนด์ ก็ผ่านมากว่า 28 เดือนแล้ว หรือถ้านับเป็นวันก็ปาเข้าไป 851 วันเข้าให้แล้ว เรียกได้ว่า ถ้าเปรียบบล็อกนี้เป็นดั่งบุคคลคนหนึ่ง ตอนนี้ก็น่าจะเป็นบุคคลหายสาบสูญจนถึงจุดที่ครอบครัวคงทำใจและปรับตัวได้กับการใช้ชีวิตที่ไม่มีเขาไปเรียบร้อยแล้วแหละ (แต่คาดว่าครอบครัวก็คงจะไม่ได้รู้สึกขาดอะไร เพราะจริง ๆ ก่อนหน้านี้ก็เป็นบุคคลเหลวแหลกอยู่แล้ว รอบก่อนก็หายไปตั้ง 933 วัน ถ้าเป็นครอบครัวจริง ๆ คงโบกมือบ๊ายบายมรดกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ถถถถ) แต่นั่นแหละครับ อดีตก็คืออดีต สิ่งที่สำคัญที่สุดคือปัจจุบัน ฉะนั้น ให้คิดเสียว่าผมไม่เคยหายไปก็แล้วกันเนอะ (แม้บางคนจะคิดว่าบล็อกนี้ไม่เคยมีอยู่แล้วก็ตามที 5555) เอาล่ะ แก้ตัวชี้แจงเสร็จเรียบร้อยก็กลับเข้าประเด็นกันเถอะ... ********** ก่อนอื่น เนื่องจากบล็อกสุดท้ายคือวันที่ผมกลับจากเนเธอร์แลนด์สู่ประเทศไทยนู่นเลย ผมรู้สึกว่าผมควรอัปเดตแพทช์แบบคร่าว ๆ ก่อนดีกว่า ว่า 851 วันนี้ผมหายไปไหนมา นับจากวันที่กลับเข้าสู่ประเทศไทย ศิริวัฒน์ในวัย 22 ปีใช้เวลากว่า 4 เดือนในการร่อนเร่หางาน และใช้เงินเก็บจากเนเธอร์แลนด์เกือบทั้งหมดไปกับการเอาชีวิตรอดระหว่างการหางาน ซึ่งถ้าพูดกันตามตรงแล้วก็น่าเขกหัวตัวเองที่ก่อนนั้นไม่เคยคิดเลยว่า 1....
Category: Chapter 2: Quarter-Century Man
“บันทึกเล่มเก่า กับการขึ้นบทใหม่ และเรื่องราวที่เปลี่ยนไปของชายวัยครึ่งของครึ่งร้อย…”
จากเนเธอร์แลนด์สู่ไทย จากมหาวิทยาลัยสู่ตลาดแรงงาน จากวัยรุ่น(?)สู่การพยายามจะเป็นผู้ใหญ่แบบเต็มตัว ในวันที่ทุกสิ่งรอบตัวเปลี่ยนไป เหตุการณ์และปัญหาหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนตาม… ยกเว้นเสียก็แต่ความคันไม้คันมืออยากหาที่ระบายอะไรยาว ๆ นี่แหละ!