851 Days in Review: เป็นผู้ใหญ่นี่เหนื่อยเนอะ

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน (จะมีหรือไม่มีก็สวัสดีไว้ก่อนล่ะ) วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ใช่ครับ นับตั้งแต่บล็อกสุดท้ายที่ผมเขียนไว้ในวันที่บินกลับจากเนเธอร์แลนด์ ก็ผ่านมากว่า 28 เดือนแล้ว หรือถ้านับเป็นวันก็ปาเข้าไป 851 วันเข้าให้แล้ว เรียกได้ว่า ถ้าเปรียบบล็อกนี้เป็นดั่งบุคคลคนหนึ่ง ตอนนี้ก็น่าจะเป็นบุคคลหายสาบสูญจนถึงจุดที่ครอบครัวคงทำใจและปรับตัวได้กับการใช้ชีวิตที่ไม่มีเขาไปเรียบร้อยแล้วแหละ (แต่คาดว่าครอบครัวก็คงจะไม่ได้รู้สึกขาดอะไร เพราะจริง ๆ ก่อนหน้านี้ก็เป็นบุคคลเหลวแหลกอยู่แล้ว รอบก่อนก็หายไปตั้ง 933 วัน ถ้าเป็นครอบครัวจริง ๆ คงโบกมือบ๊ายบายมรดกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ถถถถ) แต่นั่นแหละครับ อดีตก็คืออดีต สิ่งที่สำคัญที่สุดคือปัจจุบัน ฉะนั้น ให้คิดเสียว่าผมไม่เคยหายไปก็แล้วกันเนอะ (แม้บางคนจะคิดว่าบล็อกนี้ไม่เคยมีอยู่แล้วก็ตามที 5555) เอาล่ะ แก้ตัวชี้แจงเสร็จเรียบร้อยก็กลับเข้าประเด็นกันเถอะ... ********** ก่อนอื่น เนื่องจากบล็อกสุดท้ายคือวันที่ผมกลับจากเนเธอร์แลนด์สู่ประเทศไทยนู่นเลย ผมรู้สึกว่าผมควรอัปเดตแพทช์แบบคร่าว ๆ ก่อนดีกว่า ว่า 851 วันนี้ผมหายไปไหนมา นับจากวันที่กลับเข้าสู่ประเทศไทย ศิริวัฒน์ในวัย 22 ปีใช้เวลากว่า 4 เดือนในการร่อนเร่หางาน และใช้เงินเก็บจากเนเธอร์แลนด์เกือบทั้งหมดไปกับการเอาชีวิตรอดระหว่างการหางาน ซึ่งถ้าพูดกันตามตรงแล้วก็น่าเขกหัวตัวเองที่ก่อนนั้นไม่เคยคิดเลยว่า 1....

Day 1846: จุดสิ้นสุดของจุดเริ่มต้น

ขณะที่ผมกำลังเริ่มพิมพ์บล็อกอยู่นี้ เป็นเวลา 00.44 น. ของวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2562 ตามเวลาโซน Central European Time และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในเนเธอร์แลนด์แล้วครับ ซึ่ง ณ วินาทีที่บล็อกนี้ถูกอัพลงเว็บไซต์ให้ทุกคนได้อ่านกัน ผมก็น่าจะอยู่บนเครื่องบินเรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน ว่าแล้วก็ เอ้า! เพลงมา! All my bags are packed, I'm ready to go~ (แต่จริงๆ ต่อให้ไม่ ready ก็ต้อง go อยู่ดีแหละนะ...) ฉุกละหุกดีใช่มั้ยล่ะ? คือเรื่องมันเป็นอย่างงี้ครับ... หลังจากผมโพสต์บล็อกฉลองการมาอยู่เนเธอร์แลนด์ครบรอบ 5 ปีของผมลงเว็บไซต์ไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ผมก็ได้รับการแจ้งเตือนว่ามีอีเมลใหม่ในกล่องขาเข้า ซึ่งด้วยความที่ ณ ขณะนั้นผมกำลังรออีเมลตอบกลับจากหลายๆ ที่อยู่ ทำให้ผมก็รีบเข้าไปเช็กทันทีด้วยความตื่นเต้น ยิ่งเมื่อพบว่าผู้ที่ส่งอีเมลมานั้นคืออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ของผมเอง ยิ่งทำให้ตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับความตื่นเต้นหลังจากที่ได้เข้าไปอ่านเนื้อความด้านใน และใจความสำคัญของมันนั้นก็อยู่ตั้งแต่บรรทัดแรก ด้วยภาษาอังกฤษ 6 คำสั้นๆ ว่า... Your...

Day 1827: แด่ตัวเองเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

"อ้าว นึกว่าเจ้าของบล็อกตายไปแล้วนะครับเนี่ย?" "บล็อกไดอารี่ที่ไหนเขาเขียนจาก Day 894 แล้วสคิปไป Day 1827 กันวะ?" "น้องเขียนบล็อกที่แล้วเสร็จแล้วน้องตายเลยหรือเปล่าคะ?" สำหรับคนที่เคยอ่าน Frozenize's Diary ตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่ใน Blogger (frozenization.blogspot.com) นู่นเลยล่ะก็ น่าจะมีคำถามประมาณนี้ ซึ่งไอซ์ก็ขอยอมรับโดยดุษณี และสำหรับใครที่จะมาแซวกันเรื่องนี้ก็บอกดักไว้ก่อนเลยว่า ช้าก่อนอานนท์ สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือปัจจุบันมิใช่ฤๅ เรื่องการดองบล็อกในอดีตก็ปล่อยให้มันเป็นอดีตไปเสียเถิด เนอะๆ *เลิ่กลั่ก* แต่พูดกันตามตรงแล้ว ในบล็อกที่แล้วก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้สัญญาอะไรแล้วนี่ จะร้อนตัวหรือรู้สึกผิดทำไมก็ไม่รู้ เออ แฮะ ไม่รู้สึกผิดแล้วละกัน เย้ //ได้เหรอวะ จริงๆ ยังมีเรื่องที่ก็ควรจะตอบคำถามเยอะเหมือนกัน ทั้งอัพเดทชีวิตในช่วง 933 วันที่หายไปว่าตอนนี้ชีวิตไปถึงไหนแล้ว ไหนจะเรื่องเว็บใหม่นี่อีก เพราะเราเองก็ไม่เคยบอกด้วยซ้ำไปว่าย้ายมาเว็บไซต์ใหม่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทั้งหมดนี้ก็ช่างมันก่อนแล้วกัน เพราะประเด็นสำคัญของบล็อกนี้คือ "ทำไมอยู่ดีๆ ถึงกลับมาเขียนบล็อกนี้ใหม่อีกรอบ" มากกว่า อยู่ดีๆ ไอซ์จะอยากหยิบบล็อกร้างมากวาดหยากไย่ปัดฝุ่นแบบนี้ มันต้องมีเหตุผลแน่ๆ ดูออก เรื่องของเรื่องก็คือ วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของผมครับ วันพุธที่ 13 สิงหาคม...

Day 894: Nostalgia

ขออนุญาตทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าหายไปเป็นชาติแล้วเพิ่งคิดจะมาเขียนบล็อกเขียนบทความใหม่ (แต่สัญญาว่าจะไม่สัญญาอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว 5555) และขอไม่เล่าแล้วกันว่าช่วงที่หายไปไปทำอะไรบ้าง แหงหล่ะ ก็นี่มันไดอารี่นี่หน่า (เอาแต่ใจชะมัด - -) วันนี้จะมาเล่าเรื่องๆหนึ่ง โดยมีจุดเริ่มต้นเรื่องอยู่ที่ "บอร์ดเกม" ครับ บอร์ดเกมหรือเกมกระดานทั่วไปที่เราคุ้นเคยนั่นแหละ ถ้าใครสงสัยว่าบอร์ดเกมคืออะไร ก็เกมเศรษฐี หมากฮอส หมากรุก เกมบันไดงู เกมพวกนั้นแหละครับ บอร์ดเกม หรือถ้ายังไม่เก็ต ลองเข้าไปชม VTR เกี่ยวกับบอร์ดเกมคร่าวๆ จาก All A Board ดูได้ครับ https://www.youtube.com/watch?v=_ADoFrhAWQM ซึ่งผมเองเดิมทีก็ไม่ได้เป็นคนชอบบอร์ดเกมมากขนาดนั้น มีที่ชอบเล่นหมากฮอส หมากรุก บันไดงู แล้วก็เกมเศรษฐีกล่องกระดาษอยู่บ้าง จนกระทั่งปีสองปีที่ผ่านมา ได้เจอกับรายการบน YouTube ที่ชื่อ Board Jockey ของช่อง Salmon House (แชนแนลของบริษัทโปรดักชั่นที่มีวีดีโอไวรัลมากมายอย่างลุงเนลสัน Bangkok 1st Time นั่นไง) และรายการ Board Game Night ของช่อง...

Day 728: เติมเชื้อไฟ

กลับมาปัดฝุ่นขนานใหญ่อีกรอบ... ก่อนอื่น ต้องขอโทษที่หายไปนาน(ไม่)นิดหน่อย อุตส่าห์สัญญาไว้ซะดิบดีว่าจะอัพเดทบล็อกทุกสัปดาห์ สุดท้ายหายไปเป็นปี 5555 ขอสัญญาว่าจากนี้จะไม่สัญญาอะไรอีกแล้วครับ //เดี๋ยวๆ หลังจากนี้คิดว่าจะกลับมานับเป็นวันเหมือนเดิม (ตามหัวเรื่องของโพสต์นี้) แต่อาจจะไม่มีตารางการอัพที่แน่นอนแล้ว อย่างที่ผมเคยบอกไว้ เพราะในชีวิตเราไม่ได้เจออะไรใหม่ๆที่อยากเล่าทุกวัน หรือแม้แต่ทุกสัปดาห์ ฉะนั้น วันไหนที่ผมมีเรื่องที่อยากเขียนและมีอารมณ์อยากเขียนก็จะมาเล่าสู่กันฟังไว้ในนี้แล้วกันนะ (ติสต์มั้ยหล่ะ ถถถถ) ถ้าไม่หักช่วงที่ผมกลับไทยไปเยี่ยมบ้านออกไป วันนี้ก็เป็นวันที่ 728 แล้วนับตั้งแต่ก้าวแรกที่สัมผัสดินแดนแห่งชีส ทิวลิป กังหันและกัญชาแห่งนี้ ว่าแล้วเรามาอัพเดทแพทช์ให้คนอ่านกันก่อนดีกว่าว่า จากวันสุดท้ายที่อัพเดทบล็อก จนถึงวันนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง... ตอนนี้ผมได้ย้ายมาเรียนปริญญาตรีสาขา International Bachelor Economics and Business Economics ที่ Erasmus University Rotterdam ตามที่ตั้งใจไว้ตอนแรกแล้ว จบปีแรกมาแบบสบายๆ เหงื่อไม่ออก (ออกแต่เลือด 5555) และกำลังจะขึ้นปีที่ 2 จากหลักสูตร 3 ปีครับ *เผื่อใครไม่รู้จัก Erasmus University Rotterdam (EUR) เป็น...

Week 27: จัดระเบียบชีวิต

ให้ตายสิ เผลอแป๊บเดียวก็ถึงสัปดาห์สุดท้ายของปิดเทอมแล้ว เร็วชะมัด T^T เชื่อแล้วว่าเวลาแห่งความสุขนี่มันผ่านไปไวจริงๆ (ได้ข่าวว่าสัปดาห์ก่อนเพิ่งจะบ่นไปว่าอยู่เฉยๆมันไม่มีความสุข เอ๊ะ ยังไง = =") จะว่าไป การที่เทอมสองกำลังจะเปิดก็ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ได้เจอเพื่อน ได้เตะบอล (เห็นมหาวิทยาลัยผมดูเหมือนโรงเรียนมัธยม แต่ที่ Fontys มีฟุตบอลลีกเป็นของตัวเองนะเออ) และกิจกรรมอื่นๆ(ที่คิดว่าน่าจะ)มากมาย ซึ่งถ้ามีอะไรทำแบบนั้นชีวิตก็คงจะฟุ้งซ่านน้อยลงแหละเนอะ ตารางสอนของเทอมสอง รู้สึกว่าเวลาเรียนจะน้อยกว่าของเทอมแรก แต่มั่นใจได้เลยว่าความยากไม่ต่างกันแน่นอน แต่พอใกล้เปิดเทอมแบบนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกตัวเองได้ทันทีว่า ตั้งแต่มาเรียนที่นี่ผมใช้ชีวิตแบบเละเทะมาตลอดเหมือนกัน... เรื่องแรกที่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ก็คงเป็นเรื่องย้ายมหาวิทยาลัย ด้วยการที่ผมเองมีความใฝ่ฝันที่จะได้ย้ายไปเรียนที่ Erasmus University Rotterdam ทำให้ผมควรจะเริ่มดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ (จริงๆมันก็ควรจะเริ่มได้ตั้งนานแล้วแหละ ปัดถ่อววว) *Erasmus University Rotterdam (EUR) เป็น Research University ชื่อดังแห่งหนึ่งในเนเธอร์แลนด์ (ต่างจาก Fontys ที่ผมเรียนอยู่ซึ่งเป็น University of Applied Sciences ถ้าสงสัยว่ามันต่างกันยังไงก็คลิกที่นี่เบยแจร้) โดย EUR นี่นอกจากจะมีชื่อเสียงในระดับประเทศแล้ว ยังมีชื่อเสียงระดับโลกด้วย ซึ่ง...

Week 26: ต้อนรับสมาชิกใหม่

สัปดาห์นี้ยังคงเป็นช่วงเวลาแห่งการปิดเทอมเช่นเดิม ถ้าเป็นเพื่อนๆที่ไทยคงจะคิดว่า "โห สบายละสิ ไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ นั่งเล่นเกม บลาๆๆ" แต่ถ้าได้มาลองกับตัวเองแล้วจะรู้ ว่าความจริงแล้วชีวิตมันไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้นหว่ะครับ... สาเหตุประการแรกเลยก็เรื่องเดิมๆฮะ เงินอีกแล้ว (แหงหล่ะ เรื่องเงินเรื่องใหญ่ 5555) เพราะเราเองก็เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเงินจะเหลือมากพอสำหรับตอบโจทย์ความต้องการตัวเองทุกอย่าง มันก็ต้องมีการบริหารจัดการกันบ้าง เนื่องจากเงินเราก็หมดไปส่วนหนึ่งกับทริปออสเตรีย-เช็คเมื่อปีใหม่ด้วย ซึ่งเรื่องนี่แม่ผมได้เคยพูดไว้อย่างน่าสนใจว่า "ถ้าอยากจะเรียนเศรษฐศาสตร์ แต่ยังบริหารจัดการเงินตัวเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องเรียนหรอก" จุกไปดิ... แต่ก็นะ เงินที่ใช้ก็ภาษีประชาชนทั้งนั้น ตอนนักการเมืองโกงกินนี่เราประท้วงหวงเงินภาษีกันเย้วๆ ครั้นตอนนี้เราจะเอาไปใช้แบบสุรุ่ยสุร่ายบ้าง เราก็ไม่ต่างอะไรกับนักการเมืองพวกนั้นหรอกจริงมั้ย? อีกประการที่น่าจะส่งผลไม่แพ้กันคือ "ไม่รู้จะทำอะไร" ครับ เห้ย อย่าทำหน้าไม่เชื่อสิ คือพอได้มาอยู่ในระยะเวลานึง ความน่าตื่นตาตื่นใจของสิ่งต่างๆรอบตัวมันก็ลดน้อยถอยลงไป กลายเป็นการใช้ชีวิตแบบปกติเหมือนกับอยู่ไทยไม่มีผิด แล้วตอนอยู่ไทย ถ้าเราเซ็งก็แค่ออกไปหาเพื่อน นัดเตะบอล สังสรรค์ นั่งชิล อะไรก็ว่ากันไป แต่ที่นี่มันไม่ใช่ไง บอลก็ไม่ใช่ว่าอยากไปเตะก็ไปได้ คนไทยแต่ละคนที่อยู่ในเมืองเดียวกันก็รุ่นพี่ทั้งนั้น ไลฟ์สไตล์มันไม่ตรงเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกันหรอก สุดท้ายพอไม่มีอะไรทำ ก็นั่งหน้าคอม เล่นเกมเดิมๆมันซ้ำๆ ครั้นจะไปปาร์ตี้ มันก็ไม่ใช่แนวผมอีกแล้ว (เรื่องนี้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ากลายเป็นพวกแอนตี้ปาร์ตี้ตั้งแต่เมื่อไหร่) พูดได้เลยว่าชีวิตที่มีเวลาว่างแต่ไม่รู้จะทำอะไรนี่มันทรมานไม่ต่างกับการติดคุกเลยนะ แค่คุกมันกว้างขึ้นโดยมีโลกเราเป็นรั้วกั้นแทนแค่นั้นเอง นอกเรื่องมานานเลยแฮะ...

Week 25: I’m Back! คืนสู่บล็อก

กลับมาแล้วคร้าบบบ ไม่รู้ว่าจะยังเหลือคนอ่านอยู่ไหม แต่ต้องยอมรับว่าหายหน้าหายตาไปนานจริงๆ ด้วยสาเหตุหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องเรียนที่ค่อนข้างจะต้องใช้เวลาปรับตัว เช่นเดียวกับเรื่องการใช้ชีวิต ไหนจะความขี้เกียจอีก ซึ่งอันสุดท้ายนี้ค่อนข้างจะส่งผลกระทบหนักอยู่ 5555 แต่อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราเริ่มรู้สึกว่า "เห้ย กูไม่ไหวแล้วหว่ะ เลิกเขียนบล็อกก่อนแล้วกัน" คือเรื่อง "แรงบันดาลใจในการเขียน" ครับ คือผมก็เคยบอกไปแล้วว่าผมเขียนบล็อกเพื่อเหมือนเป็นการบันทึกชีวิตของตัวเองลงไปในนี้ เพื่อเอาไว้อ่านเอง ซึ่งตอนแรกมันก็เวิร์กดีและดูราบรื่นพอสมควร แต่พอเขียนไปนานๆ เราเริ่มรู้สึกว่า การเขียนบล็อกแบบ Daily หรือรายวันแบบนี้ บางทีเราไม่ได้ไปเจอหรือสัมผัสอะไรใหม่ๆที่น่าตื่นเต้นพอจะเอามาเขียนลงบล็อกได้เลย และมันคงไม่ Make sense ถ้าเราจะมาเขียนแค่ว่า วันนี้ไม่มีอะไรเลย กิน เรียน นอน เล่นเกม แค่นั้น สุดท้ายเลยตัดสินใจที่จะหยุดไป แล้ว 23 สัปดาห์ต่อมา เราก็ลองกลับมาคิดดูว่า ชีวิตที่ผ่านมานับตั้งแต่เลิกเขียนไปเนี่ย ทำไหมมม มันมีแต่เรื่องน่าเอามาเขียนลงบล็อกทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นทริปเที่ยวต่างๆ ทั้งทริป Dusseldorf กับ Koln ทริป Amsterdam หรือล่าสุดกับทริป Austria กับ Czech Republic (ผมคงไม่เอามาเขียนซ้ำนะครับ แต่ยังไงสามารถไปดูภาพบรรยากาศที่เก็บมาฝากได้ที่อัลบั้ม Facebook...

Day 7-10: FIBS Intro 2014

*คำเตือน!!! โพสต์นี้จะเป็นโพสต์ที่ยาวมากกก รูปเยอะ เรื่องแยะ เพราะร่ายยาว 4 วัน ฉะนั้นถ้าใครใช้เน็ตแบบตามปริมาณการใช้การอาจจะต้องผลาญไปหลาย Mb นะแจ๊ะ เตือนแล้วน้าาา FIBS Intro 2014 - Day 1 วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าทุกวันครับ ไม่ได้ว่าตื่นเต้นเรื่องค่ายเท่าไหร่หรอก แต่ว่าเพราะยังไม่ได้จัดกระเป๋าตะหาก!!! อ๊ากกกกกกกกกก เมื่อคืนเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ชิหัยแล้ววว =[]= แล้วตอนจัดก็ต้องมานั่งใช้สมองด้วยนะว่าจะยัดของทุกอย่างใส่กระเป๋าสะพายใบเดียวไปยังไง เพราะกระเป๋าขนาดที่พกพาง่ายก็มีใบเดียวนั่นแหละ พอดีเปิดเน็ตเจอคลิปจัดกระเป๋าของ DaveHax ใน YouTube เลยจัดตามพี่แกไป ช่วยใด้เยอะเหมือนกัน แต่พวกฮู้ดมันทำแบบนี้ไม่ได้ กระเป๋าเลยยังตุงอยู่ดี -.- https://www.youtube.com/watch?v=3Untr17W9pw อันนี้คือคลิปของ DaveHax ที่ผมเจอใน YouTube บอกเลยว่าเจ๋งจริงอะไรจริง 5555 ส่วนอันนี้คือสภาพเสื้อผ้าที่ผมทำเอง ทำไมมันดูไม่เรียบร้อยเท่าเค้าวะะะ -3- จากนั้นผมก็ลงไปที่ป้ายรถเมล์เลย ไม่ได้กินมื้อเช้าด้วยซ้ำเพราะกลัวไปไม่ทัน และรถเมล์ที่เนเธอร์แลนด์ก็เป็นอะไรที่ตรงเวลามาก มากจนผมควรจะไปรอมันดีกว่า เพราะมันคงไม่รอผมแน่ๆ = =" แล้วซักพักตอนที่รอรถเมล์อยู่ก็มีผู้หญิงคนนึงเรียกผม (จะบอกว่าน่ารักมากกกกก >...

Day 6: Eindhoven 1st Time (ตอน ทำทุกอย่างครั้งแรก)

วันนี้กลับมาตื่นก่อนนาฬิกาปลุกแล้วครับ ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าเหมือนช่วงแรกๆ ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆเนอะะะ 5555 > < ที่ตื่นเช้าก็ไม่ใช่อะไรหรอก อย่างที่ได้บอกไปก็หน้านี้แล้วว่า วันนี้ผมมีนัดทานข้าวที่เมือง Eindhoven ตอนบ่ายโมงครึ่ง ผมก็เลยตื่นแต่เช้าด้วยความตื่นเต้น และกังวลด้วยแหละ = =" ผมก็อาบน้ำแต่งตัวตามปกติเหมือนที่ทำทุกวัน (เห็นซกมกแบบนี้ ผมอาบน้ำทุกวันเช้า-เย็นนะเออ 5555) พอ 9 โมง ผมก็รีบเดินไปที่ร้าน Jumbo ทันที เพื่อไปซื้อเสบียงมาตุนไว้สำหรับช่วงต่อจากนี้ ถ้าไปซื้อของสายกว่านี้จะไม่มีเวลาสำหรับหลงตอนนั่งรถไฟไปที่ Eindhoven (เผื่อเวลาหลงด้วย รอบคอบมั้ยหล่ะ 5555) ระหว่างเดินเจอนกด้วยแหละ 5555 เดินมาระยะประชิดแบบไม่กลัวคนเลยแฮะ พอเข้ามาที่ Jumbo แน่นอนว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ผมมาซื้อของที่นี่ ก็เริ่มเรียนรู้แล้วว่าอะไรควรซื้อไม่ควรซื้อ 5555 แล้วคราวนี้ก็ใช้เวลาตัดสินใจน้อยลงด้วย แต่ประเด็นคือค่าใช้จ่ายรวมมันเพิ่มขึ้นแฮะ สงสัยเพราะตัดสินใจน้อยลงเนี่ยแหละ = =" และตอนมาจ่ายตัง พนักงานก็ทักผมเป็นดัตช์ ผมก็บอกเค้าเลยว่า English, please เค้าก็คุยกับผมเป็นภาษาอังกฤษ ถือเป็นพัฒนาการที่ดีและเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับผมนะ 5555 และสรุปประโยคตอนท้ายที่เค้าถามผมไม่ใช่ถามเรื่องถุงพลาสติกหว่ะครับ...

Day 5: อำนาจของความกลัว

ด้วยผลพวงจากเด็กแว้นเมื่อคืน ทำให้วันนี้ผมตื่นเพราะนาฬิกาปลุกอีกแล้วครับ = =" (ไม่ได้แก้ตัวนะ ไม่ได้อ้างด้วย จริงจรี๊งงงงง) วันนี้ผมตั้งใจว่าจะอยู่แต่ในหอเหมือนเดิม เพราะอย่างที่เคยบอกไปว่า ไม่รู้จะออกไปทำอะไร และก็จะได้หาข้อมูลสำหรับการเดินทางไปไอนด์โฮเฟ่นในวันพรุ่งนี้ และการเดินทางไปมหาวิทยาลัยในวันมะรืนนี้ด้วย กะว่าถ้าไม่แน่ใจเรื่องการนั่งรถไฟ ก็จะไม่ไปด้วยซ้ำ จะได้ไม่ต้องออกจากหอ (กลายเป็นหมาเฝ้าห้องเหมือนตอนอยู่ไทยเลยให้ตายสิ -.-) แต่ดูท่ายังไงพรุ่งนี้ผมก็ต้องออกจากหอแน่ๆ เพราะว่าตอนนี้ เสบียงมันหมดแล้วนะสิครับ T^T ขนมปังแผ่นสุดท้ายหมดลงในมื้อเช้า นมก็หมดด้วย นิชชินก็เหลือแค่ 2 มื้อพอดี ถ้าไม่ออกไปซื้อพรุ่งนี้ มีอดอาหารแน่นอน _ _" จากนั้นช่วงเช้าผมก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย ขลุกอยู่แต่ในหออย่างเดียว ซึ่งความจริงนอกจากเหตุผลอื่นๆที่บอกไปตอนแรกแล้ว อีกเหตุผลนึงที่ผมไม่คิดจะออกไปเพราะว่า เท่าที่รู้มานั้น ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดวันอาทิตย์ครับ อันนี้ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด แต่ยังไงก็ไม่อยากออกไปเก้อแล้ว มันหนาววววว -3- จนกระทั่งมื้อเที่ยงครับ ผมก็ต้มนิชชินกินตามปกติ แต่พอกินไปได้ซักพักเริ่มแสบเพดานปาก กินเสร็จผมเลยรีบไปเช็กเพดานปากผมในห้องน้ำ ปรากฏว่าลอกมาเป็นแผ่นเลยจ้าาาาา T^T เดิมทีผมก็เป็นคนที่เพดานปากลอกง่ายเวลากินของร้อนอยู่แล้ว (สายตาสั้น เข้าพัง ลำไส้มีปัญหา เพดานปากดั๊นนน ลอกอีก เอาอีก มาอีก อาการป่วยอะ...

Day 4: หมกตัว

วันนี้เป็นวันแรกที่ผมตื่นเพราะนาฬิกาปลุกครับ หลังจากตื่น 6 โมงมาสองวัน วันนี้ผมตื่นตอน 8 โมงครึ่งด้วยอาการสะโหลสะเหลนิดหน่อย เพราะเมื่อคืนนอนตั้งเที่ยงคืน คือตอนอยู่ไทยผมจะใช้แสงแดดวัดเวลาไง แบบว่ามืดแล้วซัก 3-4 ชั่วโมงค่อยคิดจะนอน พอมาอยู่นี่ช่วงแรกๆก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนนอนเร็ว แต่เมื่อคืนเผลอใช้ตรรกะเดิมไป นั่งเล่นเน็ตยันฟ้ามืด หันมามองเวลาอีกทีก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว สงสัยต้องควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอใช้ตรรกะเดิมแล้ว แหม่ ก็ขนาด 3 ทุ่มครึ่งยังสว่างอยู่เลย กว่าจะมืดต้องรอหลัง 4 ทุ่ม ถ้ารอ 3-4 ชั่วโมงหลังมืดค่อยนอนก็อย่านอนเลยดีกว่า -*- วันนี้ผมรู้สึกว่าพื้นที่ห้องเริ่มดูสกปรกแปลกๆ เริ่มเห็นเศษขนมปังและฝุ่นผงบ้างแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำความสะอาดยังไง เลยลองไล่ๆหาดูในหอว่าพอจะมีไม้กวาดบ้างมั้ย 5555 เปิดไปเปิดมาก็เจอของที่พอจะช่วยได้ละครับ มีเครื่องดูดฝุ่นอยู่ในตู้ห้องรับแขกแฮะ (ตอนมาวันแรกเป็นตู้เดียวที่ไม่ได้เปิด = =) ซึ่งปัญหาก็คือ ผมก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นไม่เป็นซะด้วยสิ แต่เอาเหอะ ทุกอย่างมันต้องมีครั้งแรก ในเมื่อไม้กวาดมันไม่มี ก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นไปเนี่ยแหละ ซึ่งการดูดฝุ่นครั้งแรกของผมก็ผ่านไปด้วยความไม่น่าประทับใจซักเท่าไหร่ ทั้งสายไฟพันขา เครื่องดูดดูดเท้าตัวเอง บลาๆๆ แต่ยังพอเอาตัวรอดมาได้โดยบ้านไม่เละไปกว่าเดิม -.- เครื่องดูดฝุ่น สิ่งที่ผมลองใช้แล้วบอกได้คำเดียวว่า คิดถึงไม้กวาดจับใจ T^T หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ออกจากหอแต่อย่างใด...

Scroll to top